ในตอนที่ 2 นี้ เราจะมาพูดถึงเรื่องการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน โดยเน้นไปที่เรื่องของคุณภาพของจอแสดงผล การสัมผัสหน้าจอ ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ และปิดท้ายกันที่ฟังก์ชั่น/อุปกรณ์เสริม ที่จะช่วยให้การเล่นเกมสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จะเป็นยังไงบ้าง ไปติดตามรับชมกันครับ
จอแสดงผลที่สวยงาม ภาพในเกมก็สวยขึ้น
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนมีจอที่สวยกว่าเมื่อก่อนมาก โดยหลักๆแล้วจะมี 2 แบบ คือจอแบบ LCD พวก IPS ที่อยู่บน iPhone เป็นต้น อีกแบบคือ LED พวก AMOLED ของ Samsung เป็นต้น จอทั้ง 2 จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่คนชอบ อีกเรื่องคือความละเอียด ในการนำมาเล่นเกม จอควรมีความละเอียดอย่างต่ำอยู่ที่ 720P หรือระดับ HD แต่ถ้าจะให้สวยเลย ผมก็คงต้องแนะนำให้เลือกเป็น 1080P หรือ Full HD หากสูงกว่านี้ไป เวลาเล่นเกมอาจทำให้เครื่องทำงานหนักกว่าปกติ แต่ไม่ต้องตกใจไปครับ เพราะสมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้ สามารถตั้งค่าให้จอแสดงผลปรับความละเอียดลงเมื่อเล่นเกม ดังนั้น หากใครที่สมาร์ทโฟนจอละเอียด 2-4K มาละก็ แนะนำให้ปรับแค่ 1080P ก็เพียงพอแล้วครับ
หากต้องการนำสมาร์ทโฟนมาเล่นเกมโดยเฉพาะ นอกจากจะดูสีจอที่ชอบ ความละเอียดที่พอเหมาะแล้ว ยังมีอีก 2 สิ่งที่ต้องดู นั่นคือ Refresh Rate และ Touch Sample Rate ครับ
Refresh Rate คือการแสดงภาพนิ่งได้กี่เฟรมภายใน 1 วินาที หรือรองรับการแสดงผลคอนเทนต์ที่ Frame Rate (fps) สูงสุดเท่าไร โดยจอภาพที่เป็น 60Hz จะรองรับการแสดงผลสูงสุดที่ 60fps ส่วนจอภาพ 120Hz ก็รองรับ 120fps ดังนั้น ยิ่งจอมีค่า Refresh Rate มากเท่าไหร่ การแสดงผลขระเล่นเกมก็ยิ่งลื่นไหลมากขึ้นเท่านั้น ปัจจุบันสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปส่วนใหญ่จะมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 60-90Hz ส่วนสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ ก็อาจจะสูงถึง 120Hz เลยทีเดียว
อีกหนึ่งค่าที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือ Touch Sample Rate ซึ่งส่งผลต่อการเล่นเกมโดยตรงเลยทีเดียว เพราะมันทำให้อัตราการตอบสนองเมื่อเราทำการสัมผัสหน้าจอ รวดเร็วและเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น นี่เป็นสามารถที่ iPhone รุ่นใหม่ๆ เหล่า Pro Player ถึงเลือกใช้กันเต็มไปหมด เพราะมีค่า Touch Sample Rate สูงถึง 120Hz เลยทีเดียว
สุดท้ายคือเรื่องขนาดหน้าจอ จริงๆมันขึ้นอยู่กับว่าใครชื่นชอบจอเล็กหรือจอใหญ่ บางคนมือเล็กอาจจะถนัดหน้าจอระหว่าง 5.2-5.8 นิ้ว แต่บางคนอาจจะชอบจอใหญ่ๆ เห็นเต็มๆตา ก็ต้องขนาดราว 6.0-6.5 นิ้วเป็นต้น หากใหญ่ไปกว่าที่ 6.8 ไปจนถึง 10 นิ้วขึ้นไป อาจจะเล่นได้เป็นบางเกม เพราะนิ้วอาจจะสัมผัสไม่ถึง แต่ก็อย่างที่บอกครับ อยู่ที่ความชอบและความถนัดของแต่ละคน
ประสิทธิภาพของแบตฯ จะทำให้การเล่นเกมยาวนานมากยิ่งขึ้น
ในส่วนนี้ จริงๆก็อาจจะไม่ต้องดูอะไรมาก นอกเหนือจากความจุ เพราะปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ก็มักจะใช้แบตฯที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันหมด ซึ่งในการเล่นเกม สมาร์ทโฟนต้องมีแบตฯอย่างน้อย 3000 mAh ขึ้นไป ยิ่งสมาร์ทโฟนที่มีจอความละเอียดสูงและขนาดจอใหญ่ ยิ่งต้องใช้แบตฯในปริมาณที่มากขึ้นตามไปด้วย
แล้วสิ่งที่ควรดูในหัวข้อนี้คืออะไรกันหล่ะ? ในเมื่อแบตฯของสมาร์ทโฟนก็คล้ายๆกันไปหมด แต่หากดูดีๆ สมมุติว่ามีสมาร์ทโฟน 2 รุ่น สเปกเหมือนกันหมด และใส่แบตฯมาความจุเท่ากันเลย แต่แบตฯดันหมดไม่เท่ากัน นั่นก็เป็นเพราะว่า รอมของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นถูกปรับมาให้ใช้ทรัพยากรแบตฯที่แตกต่างกัน ถ้ารุ่นไหนปรับมาดี ก็กินแบตฯน้อย สังเกตจากการอัพเดตเวอร์ชั่น ที่บางครั้งอัพแล้ว ก็กินแบตฯกว่าเดิม บางครั้งก็มีอัพเดตใหม่ แก้การกินแบตฯน้อยลง เป็นต้นครับ
ฟังก์ชั่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ
เราจะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆเดี๋ยวนี้มักจะมาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษ เป็นฟังก์ชั่นที่มีความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- เร่งประสิทธิภาพสมาร์ทโฟน เป็นการเปิดทรัพยากรที่มีให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพทั้งหมด เพื่อให้แสดงผลเกมออกมาได้อย่างที่มันควรจะเป็น ถึงแม้จะแลกมาด้วยอาการเครื่องที่ร้อนเร็วกว่าปกติ หรือแบตฯที่ลดอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
- ปรับแต่งการตั้งค่าตัวเกมนั้นๆ ให้แสดงผลเพียงพอต่อทรัพยากรของสมาร์ทโฟน เพื่อความลื่นไหล แต่สมาร์ทโฟนก็ไม่ทำงานหนักจนเกินไป
แต่โดยส่วนมาก ทุกวันนี้จะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นหากให้สมาร์ทโฟนทำงานหนักเกินไปเป็นเวลาหลายชั่วโมง นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นพวกปิดการแจ้งเตือนขระเล่นเกม บันทึกภาพจากหน้าจอ สตรีม และอื่นๆอีกมากมาย ใครอยากได้ฟังก์ชั่นเหล่านี้ ก็ลองเข้าไปศึกษาดูข้อมูล ก่อนซื้อนะครับ
อุปกรณ์เสริม ที่ไม่อาจหามาแทนกันได้
สมาร์ทโฟนเกมมิ่งนั้นจะมีข้อได้เปรียบกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ตรงที่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะมีอุปกรณืเสริมที่ถูกออกแบบมาเพื่อสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆโดยเฉพาะ โดยอุปกรณืเหล่านี้จะช่วยให้การเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนสนุกมากขึ้น และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งอุปกรณ์เสริมเหล่านั้น ก็มีทั้งจอยสติ๊ก พัดลมระบายความร้อน ต่อจอแสดงผลที่สอง เป็นต้น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปจะไม่มีเลย โดยเฉพาะ iPhone และ iPad ก็มีอุปกรณืเสริมออกมามากมายให้เลือกซื้อกัน ซึ่งโดยปกติแล้ว อุปกรณืเสริมเหล่านี้จะทำมาไซส์ที่พอดี ดังนั้นหากสมาร์ทโฟนที่คุณจะซื้อไม่ใหญ่หรือไม่เล้กจนเกินไป ก็น่าจะพอหาอุปกรณืเสริมในการเล่นเกมมาใช้ได้เช่นกันครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับ หลังจากที่อ่านครบทั้ง 2 ตอนแล้ว เพื่อนๆพอจะเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่ตรงตามความต้องการของตนเองและงบที่มีในกระเป๋าได้หรือยังครับ ซึ่งตัวผมเองก็คาดหวังว่าจะเขียนได้ครอบคลุมเพียงพอให้ผู้อ่านได้เข้าใจเกี่ยวกับการเรื่องสมาร์ทโฟนที่จะนำมาเล่นเกมได้มากที่สุด แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 สามารถตามไปอ่านกันได้ที่นี่ครับ http://bit.ly/2Qnj78a