หลังจากงานเปิดตัว Huawei Mate 10 ซึ่งข้อมูลสเปคและราคาก็เปิดเผยออกมาแล้ว คราวนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่ารุ่นนี้เนี่ยจะมีเอกลักษณ์หรือความสามารถใหม่ๆเข้ามาจากเดิมบ้าง เพราะคราวนี้ทาง Huawei ใช้ชิพประมวลผลที่รองรับการประมวลผล AI ในตัว มันต้องมีอะไรที่นำความสามารถนี้มาใช้ไม่มากก็น้อยล่ะ
1. หน้าจอแสดงผลแบบ RGBW Display สีสันสดใส ประหยัดไฟได้อีก
หน้าจอของ Mate 10 ที่เป็นแบบ RGBW แตกต่างจาก RGB โดยเพิ่มไฟสีขาวเข้ามา สามารถให้แสงสีที่สว่างกว่า เทคโนโลยี RGB แบบดั้งเดิมเมื่อใช้ไฟในปริมาณที่เท่ากัน หรือเรียกอีกอย่างกว่า ประหยัดไฟกว่า นั่นเองครับผม ที่สำคัญยังให้ความสว่างสูงสุดถึง 730 nits และรองรับ HDR10 ด้วย
2. CPU ตัวใหม่ Kirin 970 ที่มาพร้อมรองรับการประมวลผล AI ในตัว
Kirin 970 ที่อัพเกรดด้านประสิทธิภาพให้แรง เร็วกว่ารุ่นเดิม มาพร้อมกับชิพประมวลผลแบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) เรียกว่า NPU (Neural Processing Unit) ที่ถูกบรรจุลงไปในชิป Kirin 970 นอกจากจะเร็วแล้วยังมีความฉลาดในการเรียนรู้ในตัวมันเองด้วยนะ
3. GPS ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมใช้งานทุกสถานการณ์แบบสุดๆ
ในงานเปิดตัวทางหัวเหว่ยได้เสนอ GPS แบบใหม่ เรียกว่า GEO Enchanted GPS Technology ที่จะทำให้คุณใช้งาน GPS ได้โดยไม่มีติดขัด พร้อมสาธิตว่าสามารถใช้งานได้แม้อยู่ในที่อับสัญญาณมากๆ เช่น ใต้ทางด่วน ในรถไฟใต้ดิน หรือจะในอุโมงก็สามารถนำทางได้สบายๆ ใครที่ใช้ GPS แบบจริงจัง ห้ามพลาดบอกเลย
4. ระบบเสียงความละเอียดสูง Hi-Res 32bit/384kHz
อันนี้ก็ตามนั้นล่ะครับ ระบบเสียงแบบความละเอียดสูง แต่สุดท้ายก็อยู่ที่หูใครหูมันล่ะเนาะ ต้องลองฟังเองล่ะเนาะ
5. ระบบจูนประสิทธิภาพของตัวเครื่องด้วย AI การันตีใช้งานรวดเร็ว นานถึง 18 เดือน
มีระบบปรับปรุงประสิทธิภาพโดยจะใช้ AI เป็นตัวช่วยในการตรวจสอบ ซึ่งตรงนี้ทางหัวเหว่ยเคลมว่าการใช้งานโดยรวมจะมีความรวดเร็วขึ้นถึง 60% และลื่นไหลมากขึ้น 50%!
ยังไม่พอ ใครที่ชอบบ่นว่าใช้แอนดรอยด์ไปนานๆแล้วอืด ลืมไปได้เลยกับรุ่นนี้ เพราะด้วยระบบปรับปรุงสามารถคงประสิทธิภาพการใช้งานได้เร็วปรู๊ดปร๊าดยาวๆถึง 18 เดือนเลยทีเดียว
6. กล้องที่มี AI เข้ามาช่วยประมวลผล ทำให้ได้การใช้งานที่มีความรวดเร็วและฉลาดขึ้น
ด้วยการที่ใส่ชิพประมวลผลภาพเข้ามาถึงสองตัว พร้อมกับ AI ทำให้ระบบกล้องมีความฉลาดขึ้นและไวขึ้นมาก โดยเฉพาะโหมดอัตโนมัตินี่ต้องลอง คุณอาจจะลืมโหมดโปรไปเลยถ้าปรับไม่เก่ง
ซึ่งหัวเหว่ยได้ใช้ AI มาช่วยในการวิเคราะห์วัตถุในกล้องและปรับค่าแสงสีต่างๆแบบอัติโนมัติ และยังเอามาช่วยในการประมวลผลตอนถ่ายกล้องหน้า โหมดโบเก้ และการซูมของภาพ ทำให้ภาพที่ได้ชัดและตรงตามความต้องการของคนถ่ายมากขึ้นแน่นอน
7. รองรับเครือข่ายความเร็วสูงระดับ 4.5G ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1.2 Gbps พร้อมกับสามารถใช้งาน 4G สองซิมพร้อมกันได้
อันนี้มาจากเทคโนโลยีด้านเครือข่ายของหัวเหว่ยล้วนๆ เล่นยัดเสาอากาศมาแบบสี่เสา 4×4 MIMO + 3CA(สเปคจริงรับได้ถึง 5CA) + 256QAM ก็สามารถรับความเร็วดาวน์โหลดได้ถึง 1.2Gbps เร็วฝุดๆ(แต่ว่าเครือข่ายต้องรองรับและสัญญาณต้องดีด้วยนะ) พร้อมกับการที่สามารถใช้งาน 4G พร้อมกันได้สองซิมเลยด้วยครับ
8. Battery ผ่านมาตรฐาน พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Huawei SuperCharge
ไม่พลาดได้เทคโนโลยีชาร์จเร็วของหัวเหว่ยเองที่มานานแล้ว แต่ว่ายกเอามาทำไมน่ะหรอ? เพราะว่าแบตเตอรี่เข้าเคลมว่าผ่านมาตรฐานชาร์จเร็ว TUV safe fast-charge system certification เป็นรุ่นแรกของโลก การันตีความทนได้อยู่หมัด
9. PC Mode จะใช้งานมือถือหรือจะแปลงร่างเป็นพีซีขนาดย่อมก็ไม่หวั่น
สามารถใช้งานเป็น PC ขนาดย่อมได้แล้ว เพียงแค่ต่อเครื่องเข้ากับจอแสดงผลก็ใช้งานได้เลย สามารถใช้งานมือถือระหว่างเปิดโหมดพีซี หรือจะแปลงร่างมือถือเป็นทัชแพดก็ทำได้(แอบคล้าย Samsung Dex) และรองรับการฟังเสียงกระซิบตอนกำลังประชุมอยู่(เอา AI มาช่วยแยกเสียง) ทำให้เสียงชัดขึ้น
10. ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ แบบออฟไลน์ที่มีความแม่นยำสูงมาก
น่าจะเป็นระบบโหรดของใครหลายคน สามารถแปลภาษาแบบออฟไลน์ได้ทั้งจากตัวอักษร เสียง และข้อความจากรูปภาพ แปลภาษาออฟไลน์ได้กว่า 50 ภาษา แถมแปลได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า ซึ่งแอพพลิเคชั่นแปลภาษาทางหัวเหว่ยได้ร่วมมือกับไมโครซอฟต์พัฒนาขึ้นมาล่ะ
สังเกตุได้ว่าหลังจากได้มีการนำ AI เข้ามามีบทบาทในมือถือแบบจริงๆจังๆ ทำให้เห็นความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมากเลย แต่การใช้งานจริงๆจะเป็นยังไงนั้น ต้องซื้อมาสัมผัสกันด้วยตัวเองแล้วล่ะ ซึ่งมีเข้าไทยเป็นที่แรกอยู่สองรุ่น คือ Huawei Mate 10 Pro และ Huawei Mate 10 Porsche Design ปลายปีนี้ได้จัดกันแน่นอนจ้า!