สำหรับมือถือ สมาร์ทโฟน flagship ในตลาดตอนนี้ที่หลายค่ายเริ่มมีกับแข่งขันอย่างสูงสำหรับเรื่องของสเปค ขนาดหน้าจอ และราคา เพื่อบ่งบอกความเป็นเจ้าตลาดสำหรับกลุ่มมือถือตัวท็อป ถ้าจะวัดจากระดับความนิยม หรือยอดการจองอาจจะตรวจสอบอะไรได้ไม่มาก เพราะมีคนบางกลุ่มที่ไม่สนใจกับสมาร์ทโฟน flagship ด้วยสัญญาณต่างๆ ที่อาจจะแฝงอยู่ในตัวคุณได้ โดยที่คุณไม่รู้ตัว
เพราะใครหลายคนอาจจะตั้งคำถามเกี่ยวกับ สมาร์ทโฟน flagship ของยี่ห้อ A กับ สมาร์ทโฟน flagship ของยี่ห้อ B โดยนำเอาข้อดีข้อเสียต่างๆ มาเปรียบเทียบกันแบบเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายอาจจะไม่ตอบโจทยืความต้องการของคุณได้จริงๆ และถ้าคุณมีความต้องการในเรื่องของดีไซน์สวยหรู แต่มีตัวงบที่จำกัดคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายของสมาร์ทโฟนมาอยู่ในระดับกลางแทนก็เป็นได้
ถ้าอย่างงั้นเราลองมาดู 7 สัญญาณที่ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องใช้ สมาร์ทโฟน flagship
1. เมนูโทรศัพท์ยังสำคัญเสมอ สิ่งหนึ่งที่สมาร์ทโฟนยังคงเอกลักษณ์เอาไว้จาก ฟีเจอร์โฟนก็คือฟีเจอร์ของโทรศัพท์ แต่ถ้าคุณอย่างคงสนใจและใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องของการโทรออกและรับสาย ส่งข้อความแบบเดิมๆ นั่นเป็นตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งว่าคุณอาจจะยังคงเพียงต้องการแค่ฟีเจอร์โฟนก็ได้ อาจจะยังไม่ต้องการสมาร์ทโฟน flagship
2. คุณยังไม่ต้องการใช้มัลติมีเดียหรือเป็นพวกคลั่งแอพ ถ้าคุณยังไม่ใช่คนที่ต้องการดูหนังบนมือถือ หรือไม่เคยมีพื้นที่เพียงพอกับการโหลดแอพมาใช้บนเครื่อง สเปคมือถือที่มีหน่วยความจำเยอะแค่ไหนก็ยังไม่ตอบโจทย์ซะที แต่ถ้ากลับกันคุณใช้งานสมาร์ทโฟนเท่าไหร่หน่วยความจำที่ให้มาไม่เคยเต็มซะที เหลือพื้นที่อีกมาก ก็อาจจะระบุได้เลยว่าคุณยังไม่เหมาะกับสมาร์ทโฟน flagship สักเท่าไหร่
3. มือถือใหญ่ไม่ใช่คำตอบของคุณ สมาร์ทโฟนจอใหญ่ ตัวเครื่องใหญ่อาจจะไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคน เพราะโดยเฉลี่ยแล้วสมาร์ทโฟน flagship จะมีหน้าจอประมาณ 5.0 นิ้ว สำหรับการใช้งานหน้าต่างแอพที่เปิดง่ายปิดสะดวกตามกระแส แต่อาจจะมีที่ตัวเครื่องกะทัดรัดลงมาหน่อยที่พกง่ายวางจำหน่ายในท้องตลาดแต่อาจจะไม่ใช่สมาร์ทโฟน flagship
ถ้าขนาดที่กะทัดรัดยังเป็นเรื่องจำเป็นของคุณ คงต้องมองข้ามสมาร์ทโฟน flagshipไปก่อน
4. ไม่ยึดติดกับความเร็วของเน็ต และFUP Fair Usage Policy สำหรับหลายคนที่เริ่มใช้งานอินเตอร์เน็ตกับแพคเก็จที่มีข้อจำกัดของ FUP ประมาณ 200 – 500 MB ที่เมื่อใช้งานจนเต็มปริมาณข้อมูลแล้วจะถูกปรับลดด้วยเรื่องของความเร็วจาก 3G ลงมาเป็นเพียง 256k หรืออาจจะน้อยลงไปกว่านั้นตามโปรโมชั่นที่คุณเลือก ถ้าคุณไม่ต้องการความเร็วของเน็ตที่รวดเร็วมากก็อาจจะได้ต้องจำเป็นใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G LTE สำหรับในรุ่นท็อปบางตัวก็ได้
5. ความละเอียดของหน้าจอไม่ต้องมากก็รับไหว หนึ่งสาเหตุที่ใครหลายคนเลือกใช้สมาร์ทโฟน flagship ด้วยเรื่องความละเอียดของหน้าจอที่ต้องการเน้นความคมชัดสูง ซึ่งเป็นจุดแข่งขันกันของหลายๆ ยี่ห้อเลยทีเดียว เพราะถ้าคุณใช้งานมือถือที่หน้าจอเล็กกว่า 6-7 นิ้วลงไปแล้ว เรื่องความความคมชัดแบบที่เรียกว่า Quad HD อาจจะไม่จำเป็นเลยก็ว่าได้ เพราะมันแทบจะไม่ต่างกันมากนัก เพราะในท้องตลาดปัจจุบันนี้มือถือในระดับกลางทั่วไปก็มีความคมชัดขนาด 300-320 พิกเซลต่อตารางนิ้วออกมาให้เราได้ใช้งานกันแล้ว แลกกับขนาดของหน้าจอที่อาจจะเล็กลงไปบ้าง
6. คุณใช้กล้องมือถือสำหรับเพียงถ่ายภาพเพื่อแชร์บนโซเซียลเน็ตเวิร์ค ไม่ต้องแปลกใจถ้าในตลาดของสมาร์ทโฟน flagship ที่ออกมาเพื่อตอบสนองการถ่ายภาพที่น้นเรื่องความสวยงาม และดูเป็นหน้าเป้นตาของยี่ห้อ โดยห้ามดูแย่ว่ายี่ห้ออื่น แต่ลองดูย้อนกลับไปสำหรับการถ่ายภาพสมัยนี้ที่ใช้งานจริงๆ เพียงแต่การแชร์บนโซเซียลเน็ตเวิร์คซะเยอะ โดยที่คนส่วนใหญ่ที่เห็นภาพถ่ายเหล่านี้ผ่านทางหน้าจอมือถือเล็ก หรือไม่ก็ภาพบนเบราเซอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เรื่องของรายละเอียดที่ลดลง มันเลยดุแทบจะไปแตกต่างกันสำหรับภาพที่คุณจะใช้เพียงแค่แชร์ในอินเอตร์เน็ตสำหรับมือถือกลุ่มกลาง
7. คุณเล่นเกมส์มากขนาดไหน หนึ่งสาเหตุหลักที่แทบจะบอกได้เลยว่าคุณควรใช้สมาร์ทโฟน flagship ไหม? เพราะในสมารืทโฟนตัวท็อปทั้งหลายสิ่งหนึ่งที่เน้นกันมากเลยคือ ค่าคะแนนของ BenchMarks ที่บ่งบอกว่ามือถือตัวนี้ใช้งานเกี่ยวกับการประมวลได้ดีมากน้อยขนาดไหน ถึงแม้ว่าจะเล่นเกมส์ได้หนักหน่วงขนาดไหนแต่เรื่องของกราฟฟิคในตัวเกมส์ก็อาจจะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง สำหรับบางเกมส์เช่น Asphalt 8 และ N.O.V.A. 3 แต่ถ้าคุณยังนั่งเล่น Crush Saga อะไรประมาณนี้ก็อาจจะไม่ยังต้องมองหาสมาร์ทโฟน flagship ก็ได้