จบกันไปแล้วกับงานเปิดตัวสุดพิเศษอย่างเป็นทางการของ Apple เชื่อว่าหลายๆคนที่ติดตามคงได้นั่งดูจนตาแฉะไปเกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียวล่ะ แต่เราก็ไม่พลาดที่จะสรุปรวมรวมข้อมูลมาให้ได้อ่านกันสำหรับคนที่พลาดงานเปิดตัวเมื่อคืนไปนะครับผม ส่วนจะมีอะไรมาใหม่ๆบ้างตามมาเลยครับ
Apple Watch Series 3 รุ่นใหม่ ฟีเตอร์ใหม่ๆ ในไซส์เท่าเดิม
เนื่องด้วยทั่วโลกนั้นกระแสของเจ้าแอปเปิ้ลวอชดีมากๆ ทำให้ทางแอปเปิ้ลพัฒนาเสริมศักยภาพเข้าไปอีกในซีรีส์ใหม่นี้ มีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ
- ระบบตรวจวัดชีพจรตลอดเวลาแม้ไม่ได้เปิดหน้าจอเช็ค ช่วยวิเคราะห์สุขภาพได้แม่นยำมากขึ้น
- GPS ในตัวที่สามารถติดตามพฤติกรรมการออกกำลังได้ทุกที่แม้แต่ในน้ำ
- ความสามารถกันน้ำที่ทนแรงดันน้ำได้ดีกว่าเดิม ที่ความถึงสูงสุด 50 เมตร
- ชิพประมวลผลตัวใหม่ W2 Dual-core ลดการใช้พลังงานมากกว่าเดิมถึง 50%
- ฟังเพลงไปได้ทุกที่ด้วย Apple Music ในตัว
- รองรับ Wi-Fi (802.11b/g/n 2.4GHz) Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง
- watchOS 4
นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ในตัวได้อีกด้วยครับ (แต่ในไทยไม่น่ามีรุ่นนี้) และมีรุ่นพิเศษ Nike+ Series 3 ด้วยการออกแบบสายรัดที่ดูสปอร์ตมากขึ้นพร้อมแอพ Nike+ Run Club ที่คอยให้คำแนะนำในการวิ่งได้อีกด้วย
ซึ่งเท่าที่ส่องดูเว็ปไซต์ในไทยก็ลงราคาไว้เรียบร้อยแล้วครับโดยเริ่มต้นที่ 11,900 บาท ทั้งรุ่นปกติและรุ่น Nike+
Apple TV 4K ที่เล่นคอนเทน์ 4K ได้ตามชื่อในระดับ HDR10 เอาใจสายกีฬาด้วยฟีเจอร์ Live Sport
มาต่อกันเลยกับแอปเปิ้ลทีวีรุ่นใหม่ที่ห้อยท้ายด้วย 4K รองรับการเล่นวิดีโอในระบบ HDR10 พ่วงด้วย Dolby Vision ภาพที่ได้ตื่นตาตื่นใจแน่นอน (วิดีโอที่มีใน iTune ดูผ่าน Apple TV 4K เค้าจะอัพความละเอียดได้ฟรีๆเลย แต่ยังไม่มีรายละเอียดมากเท่าไหร่)
ด้านชิพประมวลผลแรงสะใจด้วย A10X Fusion ที่ใช้ใน iPad Pro ใช้ได้ยาวๆเลยครับ และยังไม่หมดนะ ฟีเจอร์ Live Sport ที่รวมรวมรายการถ่ายทอดสดกีฬาไว้ให้ดูกันด้วย(ฟีเจอร์นี้งยังไม่ชัวร์ว่าใช้ได้ทั่วโลกรึเปล่านะ)
มีให้เลือก 2 ความจุ 32GB (8,500 บาท) และ 64GB (9,200 บาท)
สุดท้ายตามมาติดๆกับสมาร์ทโฟนที่ทุกคนรอคอย(แต่บางคนอาจจะไม่รอแล้ว เพราะข้อมูลหลุดมาเกือบหมด และค่อนข้างตรงตามที่หลุดมาเยอะเลยล่ะ)
iPhone 8 & iPhone 8+
หน้าตานั้นจะมีความคล้ายคลึงรุ่นก่อนหน้าอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกล้อง รุ่นที่ได้กล้องคู่ไปก็คือรุ่น 8+ บอดี้ขอบอลูมิเนียมด้านหลังเป็นกระจกเงา หน้าจอขนาดตามเดิมเลยครับ ที่เพิ่มเติมมาก็คือชิพประมวลผลที่ใช้เป็นตัวใหม่สุดๆชื่อว่า A11 Bionic Hexa-core 64bit ที่นอกจากเร็วแรงกว่าเดิมยังลดพลังงานลงด้วย
ส่วนที่สองก็คือกล้องที่มีการออกแบบตัวประมวลผลภาพด้วยตัวเอง การันตีถ่ายภาพดีขึ้นแน่นอน พร้อมฟีเจอร์ถ่ายรูปโหมดภาพบุคคลที่มีการเสริมการแต่งเสริมความสว่างให้กับวัตถุเหมือนกับยกสตูดิโอไปถ่ายเลยครับ รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60fps
หลักคอนเซ็ปต์เพิ่มเติมเหมือนจะเน้นไปทางการใช้ระบบ AR (Argumented Reality) ให้มีความสะดวกมากขึ้น และที่สำคัญรองรับการชาร์จแบบไร้สายแล้วนะครับ
โดย iPhone 8 และ iPhone 8+ มีจำหน่ายทั้งหมด 3 สี สีดำ สีขาว และสีชมพู ในรุ่นความจุ 64GB และ 256GB
And one more thing . . . มาแล้วจุดเซอร์ไพรส์ในงานเปิดตัวของแอปเปิ้ล(แต่ก็ไม่ถึงกับเซอร์ไพรส์ซะทีเดียว เพราะข้อมูลหลุดดันหลุดออกมาแทบจะหมดเลย) แน่นอนว่านั่นก็คือ
iPhone X (iPhone 10) ที่สุดของ iPhone ในตอนนี้
มาด้วยทรงคล้ายกับรุ่น 8 แต่ทว่ากล้องคู่นั้นจะถูกจัดเป็นแนวตั้งเหมือนข้อมูลที่หลุดมาเป๊ะๆ หน้าจอแสดงผลก็เช่นกันครับ มาพร้อมหน้าจอ 5.8 นิ้ว OLED Super Retina Display ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล(458PPI)
หน้าจอไร้ปุ่มโฮม รองรับฟีเจอร์ปลดล็อคด้วยการแสกนใบหน้า(FaceID) ขอบอกเลยว่าอันนี้ระบบสแกนดีมาก ด้วยทั้งตัวกล้องสแกนพื้นผิวหน้าตาของเราแบบสามมิติ บวกกับชิพประมวลผลใหม่ที่สามารถเรียนรู้จดจำใบหน้าเราได้(พูดง่ายๆก็คือ AI ระบบจดจำใบหน้า)
ซึ่งเคสนี้ต่อให้เราแต่งหน้าทาปากใส่พรอพขนาดไหนก็ปลดล็อคได้ แถมสามารถคาดคะเนบหน้าเราเมื่อเปลี่ยนแปลงตามวัยได้ด้วย
เสริมด้วยการทำกล้องสแกนใบหน้าและระบบตรวจจับอันฉลาดพ่วงระบบ Emoji กลายเป็นระบบ Animoji ที่สามารถเลือก Emoji ให้เลียนแบบหน้าตาของคุณได้แบบเป๊ะๆ(ระบบสแกนใบหน้าของเค้าดีมากครับ ผมเห็นละยังอยากได้เลย)
ตบท้ายด้วยกล้องที่นอกจากจะมาเป็นกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านแล้วยังใช้กัน OIS ทั้งสองตัว ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
มีจำหน่ายทั้งหมด 2 สี สีดำ และสีเงิน ในรุ่นความจุ 64GB และ 256GB ตอนนี้ยังไม่สามารถหาซื้อได้นะ รอติดตามช่วงปลายเดือนตุลาคมเลย
บทส่วนนี้ก็มีนำเสนอเพียงเท่านี้นะครับ ใครที่สนใจจริงๆสามารถเข้าชมได้ที่เว็ปไซต์หลักของแอปเปิ้ลประเทศไทยได้เลย