Apple เผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุดแล้ว โดยครั้งนี้จะไม่มีการเผยว่าขาย iPhone ได้กี่เครื่อง รายได้จากการขายมือถือลดลงจากปีก่อนหน้า $59,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง $51,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดไปราวๆ 15%
แม้จะไม่บอกว่าขายมือถือได้กี่เครื่อง แต่ Apple ก็เผยว่าในตอนนี้มีอุปกรณ์ที่เป็น iOS ใช้งานอยู่ทั่วโลกราวๆ 1,400 ล้านเครื่อง (นับรวมทุกประเภทตั้งแต่ iPod touch, iPad, iPhone) สิ่งที่น่าสนใจคือยอดขาย iPad เติบโตขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ Apple Watch / HomePod ขายดีไม่น้อย ส่วนรายได้จากภาคธุรกิจบริการเติบโตขึ้น ทำรายได้ไตรมาสล่าสุด $10,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เติบโต 19%) ทาง Apple ประเมินว่าปีหน้าธุรกิจการให้บริการจะทำรายได้ทั้งสิ้น $50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยธุรกิจบริการหลักๆ ก็คือ Apple Pay, App Store, Apple Music, AppleCare, iTunes
ภาพรวมแล้วไตรมาสล่าสุดแอปเปิลทำรายได้ทั้งสิ้น $84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ว่าตอนแรกจะทำได้ $89,000 – 93,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แน่นอนว่าข่าวนี้ส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลร่วงราวๆ 10% กำไรไตรมาสนี้อยู่ที่ $19,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ต่ำกว่าปีที่แล้วที่ทำไว้ $20,070 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือแม้ว่าสหรัฐกับจีนจะมีปัญหาสงครามการค้า และเกิดค่านิยมรักชาติแอนตี้แอปเปิลในประเทศจีน แต่แอปเปิลก็ยังคงทำรายได้จากประเทศจีนในไตรมาสล่าสุดมากถึง $13,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย Tim Cook ระบุว่าสาเหตุหลักที่รายได้ลดลงเพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา อัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้ iPhone ในประเทศจีนแพงขึ้นไปโดยปริยาย รวมไปถึงโครงการเปลี่ยนแบตเตอรีที่ราคาถูกกว่าเดิมส่งผลให้คนใช้รุ่นเก่าต่อ
สำหรับไตรมาสหน้าแอปเปิลประเมินว่ารายได้จะลดลงไปอีก โดยน่าจะมีรายรับที่ $55,000 – $59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา – Phone Arena