ในงานเปิดตัว iPhone รุ่นล่าสุด แม้จะมีการบอกว่าชิปประมวลผลรุ่นใหม่ใช้ชื่อว่า Apple A15 แต่กลับไม่มีการพูดถึงว่ามันแรงขึ้นกว่าเดิมมากแค่ไหน
ทุกๆ ปี Apple มักจะพูดถึงชิปรุ่นล่าสุดว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้ามากแค่ไหน (ซึ่งส่วนใหญ่จะเทียบกับ iPhone รุ่นแรก และรุ่นล่าสุด) แต่ในเวทีงาน iPhone 13 กลับไม่พูดถึงเลยแม้แต่น้อย โดยเลือกจะเทียบกับคู่แข่งอย่าง Intel (ใน Chromebook) และ Qualcomm (ใน Android Tablet) แทน ส่วนการเทียบกับรุ่นก่อนหน้ามีพูดถึงแค่ว่าแบตอึดกว่าเดิมกี่ชั่วโมง
นอกจากแบตเตอรีแล้วก็ยังมีการพูดถึงฟีเจอร์อื่นๆ ที่อยู่บน SoC เดียวกัน เช่น ISP ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณแสงให้กลายเป็นดิจิตอลตอนถ่ายภาพว่าทำงานได้ดีขึ้น ถ่ายในสภาพแสงน้อยดีกว่าเดิมมาก หรือ AI Engine ที่แรงขึ้น สามารถทำ Center Stage ได้ แล้วทำไม Apple ถึงไม่เทียบ Apple A15 กับ A14 ให้ดูล่ะว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้าเท่าแค่ไหน
คำตอบนั้นอาจจะเป็นเพราะว่า Apple A15 ไม่ได้แรงขึ้นกว่า Apple A14 มากนัก (ปกติแล้วจะแรงขึ้นราวๆ 20% ทุกปี) จึงเลือกที่จะไม่โฆษณาเพราะผู้ใช้งานจะเห็นว่ามันไม่ได้แรงขึ้นกว่าเดิมเหมือนทุกปี แต่ข้อดีของชิป Apple ก็คือการท่ีมันยังคงเป็นผู้นำวงการชิปประมวลผล ทำให้สามารถเลือกมาโฆษณาว่าแรงกว่า Qualcomm และ Intel กี่เท่าได้อยู่
ปีที่ผ่านมา Apple สูญเสียวิศวกรทั้งระดับผู้บริหารและซีเนียร์ไปมาก ไม่ว่าจะเป็นทีมที่ออกไปเปิดบริษัท Nuvia (ล่าสุดถูก Qualcomm ซื้อไปแล้ว) และ Rivos ที่พัฒนา RISC-V อย่างจริงจัง ทำให้ Apple ไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่จะพัฒนาชิปเซ็ตให้แรงกว่าเดิมได้อย่างที่ผ่านมา โดยตลอดช่วงเวลาหลายๆ ปีที่ผ่านมานั้น Apple ยืนหนึ่งในเรื่องของประสิทธิภาพชิป Apple A-series ไม่ว่าจะเป็นพลังประมวลผล ความคุ้มค่าต่อสัญญาณนาฬิกา และอัตราการบริโภคพลังงาน แถมการเติบโตนี้เป็นเส้นตรงคงตัวมาสิบปี ทำให้ก้าวจากชิปหน้าใหม่จนขึ้นไปแซง AMD / Intel ได้
Apple A15 เป็นชิปตัวแรกในรอบสิบปีที่ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมการแรงขึ้น 20% แต่ถึงจะเป็น Appl A14 รุ่นอัพเกรดแต่มันก็ยังคงเป็นชิปที่แรงกว่าชิปอื่นๆ ทำให้ Apple ยังโฆษณาว่าแรงกว่ายี่ห้ออื่นมากแค่ไหน
แม้ว่า Apple A15 จะยังคงเป็นชิปที่แรงที่สุดในตอนนี้ แต่อีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้ Qualcomm, Samsung, MediaTek ต่างก็จะเปิดตัวชิปเรือธงรุ่นใหม่ที่แรงกว่าเดิม ยิ่ง Qualcomm ที่เพิ่งซื้อทีม Nuvia ไปยกทีมก็น่าจะทำให้ชิปรุ่นสองสามปีข้างหน้าแรงขึ้นกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด (เหมือนที่ Apple ทำมาตลอด) อีกด้วย
ในอดีต Apple ซื้อ P.A. Semi และดูดทีมมืออาชีพจาก Intel จำนวนมากเข้ามาร่วมทีมพัฒนาชิปประมวลผลจนกลายเป็นเบอร์หนึ่งในวงการในตอนนี้ ปัญหานี้เริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อทีมดังกล่าวแยกตัวออกไปตั้งบริษัทเอง และถูกซื้อโดยคู่แข่ง และ Intel ก็เริ่มพยายามดึงทีมเหล่านี้กลับไปเพื่อขึ้นมาเป็นผู้นำวงการชิปประมวลผลอีกครั้ง
ที่มา – 9to5Mac