บริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่าง Apple กำลังมองหาช่องทางในการขยายตลาดด้านโฆษณา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ปัจจุบัน แอปเปิลถือว่าการขายฮาร์ดแวร์ต่างๆ (เช่น iPhone, iPad, Mac) เป็นรายได้หลักของบริษัท แต่ตลาดของสมาร์ทโฟนทั่วโลกมียอดขายที่ลดลง เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเปลี่ยนสมาร์ทโฟนบ่อยๆ ทำให้แอปเปิลได้กำไรจากยอดขายน้อยลง จนต้องขยายตลาดเพิ่มเติมที่นอกเหนือไปจากการขายฮาร์ดแวร์
รายได้หลักในอนาคตของ Apple ไม่ใช่ iPhone แต่เป็นโฆษณา
ในทางกลับกัน แอปเปิลได้ประชุมกับบริษัทของ Snap, Pinterest และบริษัทอื่นๆ เพื่อชี้วัดความสนใจในกลุ่มโฆษณาของแอปเปิล ซึ่งจะกระจายโฆษณาไปตามแอพต่างๆ ที่อยู่บน iOS โดยแอปเปิลจะแบ่งรายได้กับแอพต่างๆ ที่ยินยอมให้มีการโฆษณาด้วย แนวคิดก็คือหากมีผู้ใช้ค้นอะไรก็ตามบนแอพพินเทอเรสต์ โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาจะปรากฏผ่านระบบที่แอปเปิลตั้งไว้ เช่นเดียวกันกับแอพสแนพ ซึ่งแอปเปิลได้ขายโฆษณาบางส่วนขึ้นอยู่กับคำค้นหาใน App Store ส่งผลให้มีรายได้มากถึงหนึ่งพันล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา
แอปเปิลรู้สึกภูมิใจที่ไม่ได้ขายข้อมูลของผู้ใช้โดยตรง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าสิ่งเหล่านี้เพิ่มยอดขายของโฆษณาได้อย่างไร เมื่อเทียบกับวิธีการของ Google และ Facebook โดยที่ไม่กระทบต่อการให้บริการ ซึ่งกูเกิลมักจะเข้าถึงข้อมูลหลายอย่างของผู้ใช้ เช่นคำค้นหาและอีเมล์ ส่วนเฟสบุ้คนั้นจะแยกแยะโปรไฟล์ของผู้ใช้อย่างละเอียด เพื่อให้โฆษณาเข้าถึงเป้าหมายได้ตรงกลุ่ม โดยแอปเปิลไม่มีทีท่าว่าจะเข้าถึงข้อมูลแบบนั้น แต่จะเชื่อมโยงโฆษณากับแอพต่างๆ เข้าด้วยกันแทน
ที่มา : The Verge