เมื่อเมษายนที่ผ่านมา Apple อยู่ในสถานการณ์จนตรอก เมื่อพันธมิตรอย่าง Intel ไม่สามารถเสกชิปโมเดม 5G ที่มีประสิทธิภาพตรงตามความคาดหวังเอาไว้ได้
เรื่องราวทั้งหมดจบลงที่ Apple ต้องยอมยุติคดีพิพาทกับ Qualcomm ทั้งหมด และจ่ายเงินชดเชยจำนวนมหาศาล (ประเมินว่าสูงถึง $7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากประกาศความสัมพันธ์ใหม่นี้ทาง Intel ก็ประกาศยุติกระบวนการพัฒนาชิปเซ็ต 5G สำหรับมือถือ แต่จะยังพัฒนาเพื่อใช้บนพีซีต่อไปในอนาคต
ข่าวลือหลังจากนั้นเริ่มบอกว่า Apple ต้องการซื้อทีมและเทคโนโลยีโมเดมทั้งหมดของ Intel เพื่อที่จะสามารถพัฒนาใช้งานได้เองในอนาคตไม่ต้องพึ่งพา Qualcomm อีกต่อไปในระยะยาว
วันนี้ The Wall Street Journal รายงานว่า Apple และ Intel ได้ข้อสรุปแล้วว่าแผนกธุรกิจดังกล่าวจะขายที่มูลค่า $1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป โดยอาจจะประกาศในสัปดาห์หน้านี้ ถือว่าเป็นอีกดีลขนาดใหญ่ เนื่องจากที่ผ่านมามักจะเข้าซื้อสตาร์ทอัพ หรือบริษัทที่มีมูลค่าไม่มากนัก (หลักร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐก็ถือว่าใหญ่แล้ว) โดยดีลขนาดใหญ่ครั้งล่าสุดคือการซื้อ Beats Audio เมื่อปี 2014 ด้วยมูลค่า $3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การเข้าซื้อครั้งนี้พนักงานวิศวกร Intel ราวๆ 1,200 คนจะเข้าร่วมงานกับ Apple และจะเปิดสำนักงานใหม่ที่ San Diego เพื่อทีมนี้โดยเฉพาะ สำหรับฝั่ง Intel เองการขายแผนกนี้ไปจะจบปัญหาขาดทุนเรื้อรัง หลังจากแผนกนี้สร้างค่าใช้จ่ายแต่ไม่ทำกำไรราวๆ $1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
หลังจากข่าวนี้ประกาศออกมาอย่างไม่เป็นทางการ หุ้นของ Qualcomm ตกลงไปเล็กน้อยราวๆ 1.8% ตอนปิดตลาดประจำวันครับ
ที่มา – Phone Arena