Apple จัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ iPhone 7 และ iPhone 7 plus หน้าตาออกมาตรงกับข่าวลือภาพหลุดก่อนหน้านี้ ที่ครั้งนี้ Apple ได้เพิ่มประสิทธิภาพของ iPhone รุ่นใหม่ให้เปี่ยมไปด้วยพลังรอบด้าน กำหนดเริ่มวางจำหน่าย 16 กันยายนนี้
iPhone 7 : การออกแบบและสีใหม่ Jet Black
รูปลักษณ์และหน้าตาของ iPhone 7 ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่คุ้นเคยเอาไว้ มีการออกแบบตัวเครื่องให้มีความสวยงามและเนียนเรียบเป็นชิ้นเดียวกันมากยิ่งขึ้น ตัวเส้นเสาอากาศที่เคยพาดผ่านกลางเครื่องถูกออกแบบให้หลบไปอยู่บริเวณขอบด้านเครื่อง
สีของตัวเครื่องนอกจากจะมีเป็นสีเดิม 3 สี ทอง, เงิน และชมพูโรสโกลด์แล้ว iPhone7 จะมีสีใหม่คือ “สีดำ” ที่จะมีเป็นสีดำด้าน และสีใหม่ “Jet Black” สีดำที่มีความเงางาม
มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67
การประกอบตัวเครื่องของ iPhone7 และ 7 Plus มีการซีลเพื่อป้องกันเรื่องน้ำและฝุ่นเข้าสู่ภายในเครื่องในระดับมาตรฐาน IP67 นั่นคือไม่ต้องกังวลเรื่องของการตกน้ำอีกต่อไป เพราะตามมาตรฐานนี้สามารถกันน้ำได้ลึก 1 เมตรได้นานถึง 30 นาที
ปุ่ม Home ที่รับรู้ถึงแรงสัมผัส
Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ความสามารถใหม่ให้กับปุ่ม Home ให้ฉลาดมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยตัว Taptic Engine ที่สามารถรับรู้แรงกดของผู้ใช้คล้ายกับตัว Force Trackpad ของคอมพิวเตอร์ Macbook ผู้ใช้สามารถกดเพื่อสั่งเรียกคำสั่งลัด, แจ้งเตือน ฯลฯ จากการกดปุ่ม Home ที่จากนี้ไม่จำเป็นต้องใช้การกดแบบ Double Click รัวๆ อีกต่อไป
กล้องถ่ายภาพที่ดีที่สุดบน iPhone
เรื่องของการถ่ายภาพ Apple ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้องของ iPhone 7 และ 7 Plus ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ใน iPhone 7 ตัวกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์แบบประกอบ 6 ชิ้น ตัวเซนเซอร์ภาพที่ทำงานได้เร็วขึ้น เพิ่มระบบลดการสั่นไหวของภาพแบบ OIS (Optical Image Stabilization) รูรับแสงของกล้องที่กว้างขึ้นเป็น f/1.8 ช่วยให้ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีกว่าเดิมถึง 50% ระบบแฟลชใช้เป็น True Tone 4 ดวง ให้แสงสว่างที่มากขึ้น และระบบประมวลผลภาพที่ช่วยให้ได้ภาพที่สวยคมชัดสมจริงยิ่งขึ้นแบบไม่ต้องเสียเวลารีทัช ส่วนกล้องหน้า Facetime HD ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
สำหรับ iPhone7 Plus มีความเหนือชั้นของกล้องถ่ายภาพบน iPhone ด้วยระบบกล้องแบบ 2 เลนส์ที่มีการทำงานแยกกันระหว่างกล้องแบบเลนส์มุมกว้าง (Wide-angle) และแบบเทเลโฟโต้ เมื่อทำงานคู่กันช่วยให้สามารถซูมภาพได้คุณภาพคมชัดระดับ Optical Zoom ได้ 2x และซูมแบบดิจิทัลได้ถึง 10x นอกจากนี้ระบบกล้อง 2 เลนส์ยังช่วยทำให้ถ่ายภาพปรับระยะชัดตื้นได้สวยงาม ปรับภาพให้ฉากหลังละลายได้เหมือนกับกล้อง DSLR
Retina HD Display ที่ดียิ่งขึ้น
หน้าจอของ iPhone7 และ 7 Plus ได้รับการปรับปรุงให้สว่างมากขึ้นอีก 25% เพิ่มคุณภาพและความแม่นยำในการแสดงสีของภาพที่ดีขึ้นในระดับ Cinema Standard รองรับการรับรูแรงกดสัมผัส 3D Touch
ลำโพงเสียงแบบสเตอริโอ
Apple ได้ออกแบบลำโพงให้เป็นแบบคู่ด้านหน้า ช่วยให้ได้เสียงเวลารับชมวิดีโอสมจริง ดังขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า และเก็บรายละเอียดของเสียงได้มากขึ้น
ลาก่อนช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ตามคาดว่า Apple ได้ทำการตัดช่องหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตรออกไป และเปลี่ยนมารองรับตัวหูฟังที่ใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Lightning ที่ให้คุณภาพเสียงดิจิตอลที่ดี โดยใน iPhone7 และ 7 Plus จะใช้หูฟัง EarPods แบบ Lighting แต่ก็จะมีตัวอแดปเตอร์สำหรับใช้เสียบกับหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรแบบปกติให้มาด้วย
สวัสดีหูฟังไร้สาย AirPods
และ Apple ยังเปิดตัวหูฟังแบบไร้สาย AirPods ที่มีการติดตั้งชิปประมวลผล Apple W1 เพื่อควบคุมการใช้งาน การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก และมีเซนเซอร์ต่างๆ เพื่อใช้งานตรวจจับการเคลื่อนไหว รองรับการสั่งงานผ่าน Siri สามารถใช้งานได้ทั้งกับ iPhone 7, 7 Plus และ Apple w Watch โดยที่ตัวหูฟัง AirPods จะมีตัวกล่องสำหรับเก็บและเป็นตัวชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายในตัว แบตเตอรี่ในการชาร์จ 1 ครั้งสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 5 ชั่วโมง
Apple กำหนดราคาขายของ AirPods ที่ $159 (ประมาณ 5,500 บาท) กำหนดวางจำหน่ายช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้
A10 Fusion เมื่อ iPhone ใช้ซีพียูแบบ Four-core
ขุมพลังของ iPhone 7 และ 7 Plus ใช้เป็นชิปรุ่นใหม่ของ Apple ที่ชื่อว่า A10 Fusion ที่เป็นการผสานตัวระบบประมวลผลแบบ Dual-core 2 ตัวทำงานร่วมกัน ช่วยให้ทำงานได้เร็วกว่าชิป A9 40% และเร็วกว่า A8 ถึง 2 เท่า (และเร็วกว่า iPhone รุ่นแรกถึง 120 เท่า)
สำหรับเรื่องการใช้พลังงาน Apple ยังบอกด้วยว่าใน iPhone7 และ 7 Plus แบตเตอรี่จะใช้งานได้นานมากขึ้น โดยใน iPhone 7 จะใช้ได้นานกว่า iPhone 6s ถึง 2 ชั่วโมง และ 7 Plus จะใช้ได้นานกว่า 6s Plus 1 ชั่วโมง
ความจุทุกรุ่นเพิ่มขึ้น 2 เท่า
จากนี้ปัญหาเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูลไม่เพียงพอจะไม่มีใน iPhone อีกต่อไป Apple ได้จัดรุ่นของ iPhone7 และ 7 Plus ให้มีหน่วยความจำเริ่มต้นที่ 32 GB และอีก 2 รุ่นก็จะเป็น 128 GB และ 256 GB (สี Jet Black จะมีเฉพาะในรุ่น 128 และ 256 GB) เรียกได้ว่าให้เพิ่มขึ้นจาก iPhone 6s ถึง 2 เท่า และในการเปิดตัวครั้งนี้ Apple ได้ตัดสินค้ารุ่นเก่าอย่าง iPhone 6 ออก เหลือเป็น iPhone SE (16 / 64 GB) ส่วน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus จะมีเป็นรุ่น 32 GB และ 128 GB
ราคาและวันวางจำหน่าย
iPhone7 และ 7 Plus จะเริ่มเปิดให้สั่งจองสินค้าตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนนี้ และจะเริ่มทำการจำหน่ายในวันที่ 16 กันยายนนี้ ใน 28 ประเทศทั่วโลก และอีก 30 ประเทศในช่วงปลายเดือนกันยายน (แน่นอนว่ายังไม่มีประเทศไทย) และ iOS 10 จะเริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดกันวันที่ 13 กันยายนที่จะถึงนี้
iPhone 7
- รุ่นความจุ 32 GB ราคา $649 หรือประมาณ 22,500 บาท
- รุ่นความจุ 128 GB ราคา $749 หรือประมาณ 25,900 บาท
- รุ่นความจุ 256 GB ราคา $849 หรือประมาณ 29,400 บาท
iPhone 7 Plus
- รุ่นความจุ 32 GB ราคา $769 หรือประมาณ 26,600 บาท
- รุ่นความจุ 128 GB ราคา $869 หรือประมาณ 30,000 บาท
- รุ่นความจุ 256 GB ราคา $969 หรือประมาณ 33,500 บาท