Apple ถูกศาลสั่งปรับและให้จ่ายเงินชดเชยมูลค่า $506 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัย University of Wisconsin-Madison ฐานละเมิดสิทธิบัตรที่ใช้ในชิปประมวลผล
ผู้พิพากษาสหรัฐพิจารณาแล้วเห็นว่า Apple มีความผิดจริงฐานนำเทคโนโลยีชิปประมวลผลที่ไม่ได้ถือสิทธิบัตรของตัวเองนำมาใช้ผลิต Apple A-series เพื่อใช้บน iPhone และ iPad โดยความเสียหายครั้งนี้มากกว่าที่ศาลชั้นต้นตัดสินไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่แล้วเกินสองเท่าด้วยกัน
Wisconsin Alumni Research Foundation (สมาคมนักวิจัยศิษย์เก่า Wisconsin) หรือ WARF ได้ฟ้องร้อง Apple เมื่อปี 2014 ว่าละเมิดสิทธิบัตรการออกแบบชิปประมวลผลของทางสมาคม โดยสิทธิบัตรระบุว่าเป็นเทคโนโลยี Predictor Circuit ที่ทำหน้าที่ทำนายว่าผู้ใช้งานจะเรียกใช้คำสั่งไหนเป็นคำสั่งถัดไป
ทาง Apple ต่อสู้คดีโดยอ้างว่าตนนั้นไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตร โดยเมื่อเดือนตุลาคมศาลชั้นต้นสั่งให้ Apple ชดใช้ให้กับทาง WARF เป็นมูลค่า $234 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ทาง WARF ฟ้องร้องเรียกค่าชดใช้ $862 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แม้จะได้รับคำสั่งจากศาลเรื่องเงินชดเชยน้อยกว่าที่คิดแต่ทาง WARF ก็ระบุว่าเป็นเรื่องที่ดี
อย่างไรก็ตามทาง Apple ไม่ยอมแพ้ และยื่นต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ถ่วงเวลาจนกระทั่งสิทธิบัตรที่มีข้อพิพาทหมดลงในเดือนธันวาคมปี 2016 ผลคือผู้พิพากษาสั่งเพิ่มความเสียหายอีก $272 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยเข้าไปด้วย
สำหรับชิปที่ถูกฟ้องร้องคือ Apple A7, A8 และ A8X ที่ถูกใช้อยู่ใน iPhone 5s, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus รวมไปถึง iPad อีกหลายรุ่นด้วยกัน โดยแหล่งข่าวระบุว่า Apple อยู่ในช่วงพิจารณาว่าจะสู้คดีต่อหรือไม่
ก่อนหน้านี้ Apple เคยบอกว่าสิทธิบัตรของ WARF นั้นผิดและไม่ถูกต้อง รวมไปถึงยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบความเป็นเจ้าของจากสำนักงานสิทธิบัตรชาติสหรัฐอเมริกา แต่ทว่าคำร้องดังกล่าวถูกตีตกไป
ที่มา – Cult of Mac