ในงาน Peek Performance ทาง Apple ได้เปิดตัวชิปประมวลรุ่นใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม โดยจะใช้ชื่อว่า Apple M1 Ultra ทรงพลังกว่า M1 Max และ M1 Pro ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว
Apple ระบุว่าโดยปกติแล้วการใส่ซีพียูสองตัว (ไม่ใช่การใส่สองคอร์) เข้าไปบนแผงเมนบอร์ดเดียวกันจะทำให้เกิดความล่าช้าทางการสื่อสาร กินพลังงานเยอะขึ้นกว่าเดิม และร้อนกว่าเดิม แต่ Apple สามารถออกแบบท่อ Interconnect ระหว่างชิปได้สำเร็จ (และตั้งชื่อว่า UltraFusion) ทำให้ Apple M1 Ultra กลายเป็นชิปที่มีแบนด์วิธระหว่างซีพียูสองตัวดีที่สุดในตอนนี้ แน่นอนว่ากรณีนี้ทำให้จำนวน CPU / GPU เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยเช่นกัน
เมื่อ Apple M1 Ultra คือ M1 Max สองตัวมาประกบกัน ทำให้มันมี CPU 20 คอร์ และ GPU 64 คอร์ แรงกว่า Apple M1 รุ่นดั้งเดิมมากถึง 8 เท่าด้วยกัน และรองรับแรมได้สูงสุดที่ 128GB
ถ้าใครติดตามข่าวซีพียูของ Apple มาสักระยะอาจจะเห็นว่าในรอบปีที่ผ่านมา Apple สูญเสียวิศวกรทีมพัฒนาชิปประมวลผลของตัวเองไปจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถผลักสถาปัตยกรรมใหม่ได้ แต่เลือกใช้สถาปัตยกรรมเดิมแต่อัพเกรดเล็กน้อยให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่ Apple A15 คือ Apple A14 ที่ปรับการทำงานให้ดีขึ้น ลดขนาดการผลิตลง หรือ Apple Watch ที่ใช้ชิปเดิมแบบไม่ต้องรีแพคเกจเหมือน iPhone และการเปิดตัว Apple M1 Max / M1 Pro ที่ใช้การสเกลเพิ่มจำนวนหน่วยประมวลผล แทนที่จะเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ จริงอยู่ว่าในการทำสเกลแบบนี้ Apple ต้องพัฒนา UltraFusion เพื่อเชื่อมการทำงานระหว่างคอร์ให้ทำงานได้ดี (เนื่องจาก M1 เป็นชิป Unified ที่แชร์หน่วยความจำ CPU / GPU) แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะยกระดับชิปประมวลผลไปสู่ระดับถัดไป
การเปิดตัว Apple M1 Ultra ก็เช่นกัน แม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่จับซีพียูที่แรงที่สุด (M1 Max) มาประกบกันสองตัว ทำให้แรงขึ้นไปอีกสองเท่า แต่ Apple จะเดินเส้นทางเพิ่มจำนวนเพื่อเพิ่มความเร็วได้อีกนานแค่ไหน แล้วหลังจากนี้เราจะต้องเห็นชิปซีรีส์ M1 ที่เพิ่มจำนวนคอร์เป็น 128 คอร์หรือเปล่า หรือจะได้เห็นสถาปัตยกรรใหม่และเปลี่ยนชื่อไปเป็น Apple M2 ที่จะทำให้อนาคตของเครื่อง Mac ยั่งยืนเหมือนอย่างที่เคยทำกับ iPhone มาแล้ว