คู่แข่งตัวฉกาจของ Nintendo ตอนนี้ไม่ใช้ SONY PlayStation 4 Pro หรือ Xbox One Scorpio แล้วแต่กลายเป็นบริษัท Apple ที่ถือครอง Memory เยอะที่สุดในวงการไอที
กระแสความนิยมของ Nintendo Switch ในปีนี้พุ่งสูงในระดับที่เรียกได้ว่าผลิตมาเท่าไหร่ก็ขายหมดเกลี้ยง ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่า Nintendo จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 20 ล้านเครื่องภายในปีนี้ (กำหนดเดิมคือ 10 ล้านเครื่อง) เนื่องจากความนิยมที่มากมายมหาศาล แต่ดูเหมือนว่าการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 ล้านเครื่องจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว เนื่องจากปีนี้มีปัญหาเรื่องหน่วยความจำขาดตลาดทั่วแผ่นดิน
MEMORY ISSUE
ปัญหาประจำปี 2017 ในแวดวงไอทีก็คือหน่วยความจำขาดแคลนและมีราคาแพง (ไม่ใช่เพิ่งมามีเพราะ Nintendo Switch ขายดี ใครติดตามข่าวสายพีซีอาจจะได้ยินมานานแล้ว) โดยเฉพาะ NAND Flash ที่ใช้เก็บข้อมูล โดยปัจจัยที่ทำให้ปีนี้ขาดแคลนหนักก็มีหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Apple จอมกว้านซื้อวัตถุดิบจำนวนมากมหาศาล หรือบริษัทมือถือจีนที่พยายามจะแจ้งเกิดด้วยการขายราคาถูกกว่าปกติ และกลุ่มม้ามืดอย่างดาต้าเซนเตอร์ที่เติบโตจากเทคโนโลยีกลุ่มเมฆ หรือที่เรียกว่าคลาวด์นั่นเอง
ในยุคหลังกระแสการประมวลผลบนอุปกรณ์พกพาอย่างมือถือถูกโยนให้เป็นภาระของเซิฟเวอร์ (เช่นการแปลงไฟล์วิดิโอสำหรับ YouTube หรือการฝากไฟล์บน Dropbox) ผลคือกลุ่มผู้ให้บริการเหล่านี้จะต้องเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลปริมาณมากที่มีประสิทธิภาพที่รวดเร็ว คงทน ทำให้ NAND Flash เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ
แน่นอนว่า Apple และ นินเทนโด้ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องการขาดแคลนหน่วยความจำทั้งอุตสาหกรรมไอทีและการใช้ผลิตสินค้าของตัวเอง ปัญหาของ นินเทนโด้ ก็คือผู้ผลิตมือถืออย่าง Samsung และ Apple จะผลิตมือถือของตัวเองในปริมาณมาก (หลัก 50 ล้านเครื่อง) ทำให้ นินเทนโด้ ไม่สามารถเข้าไปแข่งขันซื้อจำนวนมากและกดราคาลงไปได้ ตัวเลือกของนินเทนโด้ อยู่ที่ยอมซื้อหน่วยความจำที่แพงกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นไปอีก และประธาน นินเทนโด้ คนปัจจุบัน Tatsumi Kimishima เคยให้สัมภาษณ์แล้วว่าไม่อยากให้การขาย Nintendo Switch ขาดทุน (เหมือนอย่าง PlayStation ที่เน้นขายเครื่องถูกกว่าต้นทุน แล้วหาเงินจากการขายไลเซนส์พัฒนาเกมส์แทน)
ก่อนหน้านี้ นินเทนโด้ได้แบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการขนส่งเครื่อง Nintendo Switch เข้าสู่สหรัฐอเมริกาด้วยเครื่องบิน ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนต่อเครื่องราวๆ $50 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปกติการส่งสินค้าจำนวนมากเช่นนี้มักจะทำโดยเรือขนส่งขนาดใหญ่
เดือนที่แล้ว นินเทนโด้ เผยว่า Nintendo Switch ขายได้แล้วทั้งสิ้น 2.74 ล้านเครื่อง ซึ่งคาดว่าน่าจะแซงยอดขายของ Wii U เครื่องเล่นเกมส์ยุคก่อนหน้าได้อย่างไม่ยากเย็น (ถ้าหากสามารถผลิตเครื่อง Nintendo Switch ได้) เนื่องจากเครื่อง Wii U นั้นตลอดช่วงอายุขัยที่ขายมา 5 ปี ขายได้เพียง 14 ล้านเครื่องเท่านั้น
ที่มา – Wall Street Journal