ในงาน WWDC 2021 เมื่อคืนที่ผ่านมาบนเวที Keynote ทาง Apple เปิดตัวซอฟท์แวร์ใหม่จำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือ watchOS 8 นั่นเอง
ในระยะหลัง Apple ลดบทบาทของ Apple Watch ในฐานะนาฬิกาหรู แล้วทดแทนด้วยภาพลักษณ์อุปกรณ์เพื่อสุขภาพแทน และรอบนี้การอัพเดทระบบปฏิบัติการก็ยืนยันไปในทางเดียวกันว่าจะช่วยติดตามด้านสุขภาพให้ละเอียดขึ้น
แอพ Breath ที่มาพร้อมกับเครื่องได้รับการอัพเดทใหม่ อนิเมชั่นที่จะสะท้อนถึงจังหวะการหายใจ และช่วยควบคุมจิตใจให้สงบนิ่งขึ้น โดยจะทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Focus ที่อยู่ใน iOS ได้ (นอกจากนี้ Reflect จะแยกออกไปเป็นแอพตัวใหม่ จากเดิมที่อยู่บน Breath ด้วย)
สำหรับการติดตามข้อมูลการนอน จะมีการเก็บข้อมูลการหายใจว่าเราหายใจกี่ครั้งต่อนาที และเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์(และแสดงผล) ถึงสิ่งที่เราต้องแก้ไข เช่นถ้ามีอาการหายใจติดขัดระหว่างนอนแบบนี้อาจจะเป็นโรคหรือจะมีอาการไม่พึงประสงค์อะไรบ้างในอนาคต
สำหรับการติดตามข้อมูลการออกกำลังกาย มีการเพิ่มเติมไทเก็ก (ภาษาอังกฤษเรียก Tai Chi ตามภาษาจีนกลาง) และพิลาทิส (การออกกำลังกายที่คล้ายโยคะ แต่เน้นความยืดหยุ่น) ทำให้สามารถเก็บข้อมูลระหว่างออกกำลังกายในโหมดนี้ได้แม่นยำขึ้น
สำหรับ Apple Fitness Plus ที่เป็นบริการเก็บเงินจะมีโค้ชชื่อดังคนใหม่อย่าง Jeanette Jenkins เข้ามาสอนออกกำลังกายใหม่เจ็ดประเภท และเพิ่ม Artist Spotlight ที่จะเปิดเพลง หรือพูดคุยเป็นรายการประกอบการออกกำลังกายใหม่อีกจำนวนหนึ่ง น่าเสียดายที่บริการนี้ไม่เปิดให้ใช้ในประเทศไทยเราจึงไม่มีโอกาสได้ลองกันครับ
สำหรับหน้าปัดนาฬิกาใหม่คือ Portrait Watch face ให้เราใส่หน้าของตัวเองลงไปเป็นภาพหน้าปัด เมื่อหมุนเม็ดมะยมจะมีอนิเมชั่นเล็กๆ น้อยๆ ด้วยครับ รวมไปถึง Photos ได้รับการปรับปรุงให้ใช้ค้นหาภาพไม่ยากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา (แต่ก็น่าจะยังใช้ยากเหมือนเดิม) คือการส่งข้อความจาก Apple Watch โดยเราสามารถส่งอย่างอื่นนอกจากข้อความ เช่น GIF กลับไปได้ รวมไปถึงการสั่งการผ่านเสียง (ที่แม่นยำกว่าการลากนิ้วเขียนข้อความ) ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น แม่นยำขึ้น
การเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในรอบนี้และถูกยกมาพูดบนเวทีคือการเก็บข้อมูลการเดิน อย่างที่เราทราบว่าหลายๆ ครั้งผู้สูงอายุมีขาโก่งขึ้น และเป็นความเสี่ยงให้หกล้ม ตัว Apple Health จะวิเคราะห์ข้อมูลแล้วแนะนำให้ปรับปรุงการเดิน ฟีเจอร์นี้ไม่จำเป็นต้องมี Apple Watch ก็ใช้งานได้ แต่ถ้าใส่ Apple Watch ด้วยระบบก็จะแม่นยำยิ่งขึ้น
เรื่องที่น่าสนใจอย่างสุดท้ายไม่ได้พูดบนเวที แต่ปรากฏอยู่ในสไลด์หน้ารวมฟีเจอร์ ทำให้เราเห็นว่ามี Blood Glucose highlights ด้วย เหมือนจะสอดคล้องกับข่าวลือ Apple Watch รุ่นถัดไปว่าจะมีตัววัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย คาดว่าเรื่องนี้คงจะเงียบๆ ไปจนถึงการเปิดตัว Apple Watch รุ่นถัดไป
ที่มา – CNET