ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Apple เผยว่ารายได้ของ iPhone ในไตรมาสสุดท้ายทำไปได้ทั้งสิ้น $33,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ แต่น้อยกว่าไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว
นอกจาก iPhone ที่ขายดี (แต่รายได้น้อยลงเนื่องจากตลาดซบเซา) ฝั่ง iPad เองก็ถือว่าดีไม่แพ้กัน แม้กระแสแทบเล็ตจะซาลงไปแล้ว แต่ก็ทำรายได้ทั้งสิ้น $4,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว 16.9%
สำหรับธุรกิจการให้บริการ ทำรายได้ทั้งสิ้น $12,512 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าที่ Wall Street คาดการณ์เอาไว้เช่นกัน ถือเป็นธุรกิจที่ทำรายได้อันดับสองรองจากการขาย iPhone และเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเติบโตขึ้น 18% ด้วยกัน ทำให้แผนที่บอกว่าภายในปีนี้หน้าจะต้องทำรายได้ $50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในแผนกธุรกิจนี้ดูจะมีความเป็นไปได้ไม่น้อย โดยปัจจุบันธุรกิจแผนกนี้ได้แก่ Apple Music, Apple Arcade, Apple TV+, Apple News+, Apple Pay, App Store, iCloud และ Apple Care
สำหรับแผนกอุปกรณ์สวมใส่และบ้านอัจฉริยะก็ทำรายได้สวยเช่นกัน โดยผลประกอบการไตรมานี้ทำได้ $6,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตจากปีที่แล้ว 54% โดยดาวเด่นคือ Apple Watch และ AirPods นั่นเอง แต่ไม่ค่อยได้มีการพูดถึงแผนกบ้านอัจฉริยะ อาจจะเป็นเพราะ Siri Kit ยังไม่ได้รับความนิยมแบบเติบโตมากนัก
ภาพรวมไตรมาสนี้ Apple ทำรายได้ทั้งสิ้น $64,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วราวๆ 1.8% แต่กำไรรวมลดลง 3.1% เหลือเพียง $13,690 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรายได้ในภูมิภาคต่างๆ สหรัฐอเมริกา และเอเชียแปซิฟิคเติบโต 6.6% ขณะที่ยุโรปลดลง 2.8% จีนลดลง 2.4% และญี่ปุ่นลดลง 3.47%
สำหรับภาพรวมทั้งปีงบประมาณนี้ Apple ทำรายได้ทั้งสิ้น $142,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปีที่แล้ว 13.6% สิ่งที่โตในปีนี้คือแทบเล็ต (โตขึ้น 15.8%) อุปกรณ์สวมใส่ (โตขึ้น 41%) และธุรกิจการให้บริการ (โตขึ้น 14.1%) และเงินปันผลจะแบ่งให้ผู้ถือหุ้น $11.97 ดอลลาร์สหรัญต่อหุ้น ลดลงจากปีที่แล้วที่เงินปันผลอยู่ที่ $12.01 ดอลลาร์สหรัฐเล็กน้อย
ที่มา – Phone Arena