Apple ได้ออกรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2016 (มกราคม-มีนาคม) ตามปีงบประมาณ ระบุว่ายอดขายลดลงจากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว 13% หรือประมาณ 50.557 ล้านเหรียญสหรัฐ หยุดสถิติยอดขายที่เติบโตมาตลอดทุกไตรมาสตั้งแต่ปี 2003 เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี
ทาง Wall Street Journal ได้รายงานว่า Appleสามารถขาย iPhone ในไตรมาส 2/2016 ที่ผ่านมาได้ 51.2 ล้านเครื่อง ลดลงจากปีที่แล้วที่สามารถขายได้ 61.2 ล้านเครื่อง และนี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ยอดขายของ iPhone ลดลง
ส่วนทางด้านของกำไร ในไตรมาส 2 Appleมีกำไรลดลง 22.5% เป็นมูลค่า 10,516 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดจากปีที่แล้วที่ทำได้ 13,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
สถิติแสดงการเติบโตของรายได้แบบปีต่อปีของ Apple
ทิม คุ้ก CEO ของApple ได้บอกกับทาง Wall Street Journal ว่าในไตรมาส 2 ที่ผ่านนั้นเป็น “ความท้าทาย” ของบริษัท แต่สำหรับในอนาคตต่อจากนี้ทิม คุ้กแสดงความมั่นใจว่ายังคงสดใสอยู่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจของโลกที่มีความแปรปรวนสูงในขณะนี้ โดยที่ยอดขายในต่างประเทศ (นอกสหรัฐอเมริกา) คิดเป็น 67% ของรายได้ทั้งหมด
ในการแถลงผลประกอบการครั้งนี้มีประเด็นข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่างด้วยกัน
- ยอดขายของ iPhone มาจาก 3 กลุ่มใหญ่ด้วยกันคือ คนที่อัพเกรดเครื่องรุ่นใหม่, ย้ายมาจากระบบ Android และกลุ่มผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องแรก ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ คนเปลี่ยนมาใช้ iPhone 6s มากกว่าช่วงที่ 5s ออก (แต่ยังน้อยกว่าตอน iPhone 6)
- จากการสำรวจ ผู้ใช้ยังมีความพึงพอใจกับ iPhone สูงถึง 95% และปริมาณผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟน Android ย้ายมาใช้ iPhone ก็ยังคงมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- รายได้จากด้านบริการเพิ่มขึ้น 20% เป็น 6,000 ล้านเหรียญ Apple Music ตอนนี้มีผู้ใช้งานแบบชำระเงินมากถึง 13 ล้านคน
- การชำระเงินผ่านApple Pay มีผู้ใช้งานใหม่ 1 ล้านคนต่อสัปดาห์ และจะมีบริการในส่วนของการชำระเงินเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
- ยอดขายของApple Watch สามารถขายได้ตามที่คาดหวังไว้ได้ในไตรมาสนี้ ยอดขายกว่า 40% มาจากช่วงเทศกาลก่อนปีใหม่
- ปีที่ผ่านมาApple เข้าซื้อกิจการบริษัทถึง 15 แห่ง
ต้องรอดูกันต่อไปว่า Appleจะแก้สถานการณ์ในการสร้างยอดขายและผลกำไรในไตรมาสต่อไปได้หรือไม่ สำหรับตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาวางขายแล้วไม่ว่าจะเป็น iPad Pro 9.7 นิ้ว และ iPhone SE และสิ่งที่พอจะคาดหวังว่าจะทำให้บริษัทสามารถทำยอดได้มากขึ้นอีกครั้ง ก็คงจะไม่พ้น iPhone 7 ที่คาดว่าจะออกขายในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้
ข้อมูลจาก : Business Insider | The Verge