Apple ออกอัพเดทใหญ่รอบที่สอง และยังคงอัพเดทให้กับอุปกรณ์แทบทุกชิ้นที่ต่ออินเตอร์เน็ทได้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Apple Watch, Apple TV และคอมพิวเตอร์ Mac (MacBook, iMac)
iOS 15.2 / iPadOS 15.2
อัพเดทนี้เปิดให้ใช้ App Privacy Report แล้ว หลังจากเลื่อนมาสองอัพเดท ผู้ใช้งานจะสามารถดูได้ว่ามีแอพได้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอะไรบ้างของเรา และยังเพิ่มโหมด Parental Control ที่จะแจ้งเตือนหากมือถือของเด็กมีการส่งหรือได้รับภาพโป๊ใน iMessage
watchOS 8.3
Apple ตัดสินใจกระโดดข้าม watchOS 8.2 ไปโดยไม่เปิดเผยว่าทำไมจึงข้ามเลขดังกล่าว (ทำให้ตอนนี้ระบบปฏิบัติการของแอปเปิลมีเลขย่อยชวนสับสน ไม่ว่าจะเป็น macOS 12.1, iOS 15.2, watchOS 8.3) ผู้ใช้งานสามารถอัพเดทจากนาฬิกา หรือจะทำผ่านมือถือก็ได้ แต่ระบบจะติดตั้งก็ต่อเมื่อแบตเตอรีมากกว่า 50% โดยรุ่นที่เก่าที่สุดที่ยังได้รับอัพเดทอยู่คือ Apple Watch Series 3
อัพเดทนี้ค่อนข้างคล้ายกับ iOS 15.2 ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Apple Music Voice Plan และ App Privacy Report เพื่อดูการเข้าถึงข้อมูลของแอพต่างๆ
tvOS 15.2
อัพเดทนี้ทำให้ Apple TV รองรับการทำ SharePlay ที่ส่งมาจากอุปกรณ์เครื่องอื่น เช่นเมื่อผู้ใช้งานเข้าร่วม SharePlay บน FaceTime จากมือถือ หรือแทบเล็ต แล้วเลือกที่จะดูวิดิโอดังกล่าวบนทีวีแทนหน้าจออุปกรณ์นั้นๆ สามารถใช้ AirPlay ส่งภาพไปขึ้นทีวีได้
นอกจากนี้ก็ยังมการรองรับ Apple Music Voice Plan เหมือนระบบปฏิบัติการอื่นๆ และการแก้บั๊กเป็นส่วนใหญ่
macOS 12.1 (Monterey)
อัพเดทใหญ่ของ macOS 12.1 เพิ่มฟีเจอร์ให้ตามทันกับฝั่งมือถือที่มีไปก่อนแล้ว อย่าง SharePlay (ฝั่ง iOS ได้ใช้มาตั้งแต่ iOS 15.1) อย่างไรก็ตามหนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้คนคาดหวังว่าจะได้ใช้งานกันอย่าง Universal Control ถูกเลื่อนกำหนดเปิดใช้งานไปปีหน้าแทน
นอกจาก SharePlay แล้ว Apple Music เองก็ถูกอัพเดทให้รองรับ Apple Music Voice Plan ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้อัพเดทนี้ยังแก้บั๊กหลายตัว ทั้งบั๊กที่ส่งผลกระทบกับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง (เช่น Trackpad อาจจะหยุดทำงานระหว่างการใช้งาน หรือ Screensaver ขึ้นภาพสีดำแทนที่จะเป็นภาพที่เลือกเอาไว้) หรือบั๊กเฉพาะเครื่อง เช่นแถบเมนูที่หายไปในติ่งหน้าจอของ MacBook Pro ที่วางจำหน่ายปีนี้ และการแสดงผล HDR จากเว็บ YouTube
สำหรับฟีเจอร์ร่วมที่ทุกระบบปฏิบัติการได้รับในรอบนี้คือ Apple Music Voice Plan ที่ผู้ใช้งานเลือกเพลงเองไม่ได้ ต้องสั่งผ่าน siri ให้เล่นให้เท่านั้น ค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ $4.99 ดอลลาร์สหรัฐ ถูกกว่าแบบปกติครึ่งหนึ่ง
ที่มา – 9to5Mac (1), (2) ,MacRumors (1), (2)