เมื่อปี 2013 ผู้ก่อตั้งบริษัท Dell อย่าง Michael Dell ตัดสินใจซื้อหุ้นทั้งหมดจากตลาดหุ้นคืน และนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของโลกพีซี
ในครั้งนั้น Michael Dell มองว่าการที่มีผู้ถือหุ้นอยู่จำนวนมาก ทำให้การวางแผน หรือลงมือทำเรื่องต่างๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะผู้ถือหุ้นมักจะมีเป้าอยู่ในใจ และทำให้งานของเขานั้นโฟกัสไปกับการรักษามูลค่าของบริษัท มากกว่าจะทำให้บริษัทไปข้างหน้าได้จริงๆ
ห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แบรนด์ Dell ยังคงอยู่ในวงการไอทีเหมือนเดิม แต่โฟกัสไปที่ฝั่ง Enterprise มากขึ้น (จากเดิมโฟกัสที่ PC คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล) เพราะฝั่งภาคธุรกิจมีการซื้อเพิ่มเรื่อยๆ ขณะที่ฟากบุคคลทั่วไปมีการเปลี่ยนคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องใหม่น้อยลง (แต่ฝั่งเกมมิ่งขายดีมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ) ถือว่าเป็นการเดินหมากที่ดีของ Michael Dell
หลังจากอยู่รอดมาได้จากการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ก็ได้เวลากลับเข้าสู่ตลาดหุ้นเพื่อระดมเงินทุนอีกครั้งโดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา DELL ก็ได้กลับเข้าสู่ตลาดหุ้น NYSE อีกครั้งด้วยราคาเปิดหุ้นละ $46 ดอลลาร์สหรัฐ
กระบวนการกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นของ Dell นั้นไม่ใช่เรื่อง่าย ก่อนหน้านี้มีการประกาศแผนว่าจะให้บริษัทที่ Dell ถือหุ้นอยู่ 80% อย่าง VMWare ซื้อหุ้นของ Dell กลับไป ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง (แต่รวมไปกับ VMWare) ซึ่งนักลงทุนชื่อดังอย่าง Carl Icahn ก็ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง และฟ้องบริษัท Dell เพื่อให้ยุติแผนดังกล่าว
ปัจจุบัน Silver Lake ผู้ปล่อยกู้เงินให้ Dell ซื้อหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 5 ปีก่อนยังถือหุ้นของบริษัท Dell อยู่ 24% ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับต้นๆ ของบริษัทเลยทีเดียว
ที่มา – The Verge