EU ประกาศช็อคโลกมือถือและอุปกรณ์ไอทีด้วยการประกาศว่าผู้ผลิตจะต้องเปลี่ยนมาใช้ USB-C เป็นมาตรฐานในการชาร์จไฟภายในสองปี ผู้ต่อต้านแนวคิดนี้รายใหญ่ที่สุดก็คือ Apple นั่นเอง
ปัจจุบันผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ที่สุดที่ใช้พอร์ตของตัวเอง ใช้ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ก็คือ Apple (ใช้พอร์ต Lightning) ขณะที่มือถือแอนดรอยด์แทบทั้งหมดย้ายไปใช้ USB-C กันหมดแล้ว เป้าหมายของ EU ที่ประกาศให้เปลี่ยนมาใช้ USB-C เหมือนกันหมดก็เพื่อลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ผู้ใช้งานยังคงใช้สาย หัวชาร์จเดิมได้แม้จะเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นในอนาคตก็ตามที
นอกจากมือถือ แทบเล็ตแล้ว กฏข้อนี้ยังครอบคลุมไปถึงหูฟัง ลำโพงแบบพกพา เครื่องเล่นเกมส์คอนโซล และกล้องถ่ายรูป โดยจะต้องเปลี่ยนมาเป็น USB-C ทั้งในการชาร์จไฟและถ่ายโอนข้อมูล โดยจะต้องระบุว่าใช้มาตรฐานจ่ายไฟอะไรบ้าง และจะอนุญาตให้ผู้ผลิตขายอุปกรณ์เหล่านี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องแถมสายชาร์จไฟ หรือหัวจ่ายไฟ
สำหรับอุปกรณ์ชาร์จไฟไร้สายทาง EU ไม่ได้มีข้อจำกัดว่าจะต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน โดยอธิบายว่ายังเปิดช่องให้ผู้ผลิตสร้างสรรค์เทคโนโลยีต่อไปได้ โดยกฏข้อนี้จะกลายเป็นกฏหมายบังคับใช้ทั่วยุโรปได้ก็ต่อเมื่อผ่านการโหวตที่สภาผู้แทนยุโรปเสียก่อน ถ้าหากผ่านการเห็นชอบผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีจะมีเวลา 24 เดือนเปลี่ยนผ่านจากพอร์ตเดิมมาเป็น USB-C ให้เสร็จสิ้น
EU เคยความพยายามที่จะทำให้ผู้ผลิตมือถือทั้งหมดหันมาใช้พอร์ตเดียว หัวชาร์จเดียวกันทั้งหมดในปี 2009 โดยตอนนั้นมี Apple, Samsung, Huawei และ Nokia ร่วมลงนามยินดีเข้าร่วมมาตรฐานในการกำหนดสายชาร์จ หลังจากนั้นมือถือแทบทุกยี่ห้อก็หันมาใช้ Micro-USB กันหมด ยกเว้นแค่ Apple ที่ออกหัวแปลง 30-pin เป็น Micro-USB มาแทน
แน่นอนว่า Apple จะได้รับผลกระทบจากกฏหมายใหม่นี้โดยตรง แม้ว่ามือถือ iPhone รุ่นใหม่ๆ จะมาพร้อมกับสาย Lightning to USB-C แล้วก็ตาม (เพราะกฏหมายระบุให้ใช้ USB-C ที่ระดับตัวเครื่อง ไม่ใช่สายชาร์จ) โดย Apple แสดงความไม่เห็นด้วยกับกฏนี้ ระบุว่าการบังคับให้ใช้พอร์ตเดียวจะทำให้นวัตกรรมไม่เกิด อีกทั้งจะทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากคนจะต้องทิ้งสาย Lightning ที่ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป
ที่มา – The Verge