Google ได้อัพเดทเอกสาร Android CCD (Compatibility Definition Document) สำหรับโทรศัพท์ที่จะใช้ Android 7.0 Nougat แล้ว โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างของระบบ และหนึ่งในนั้นคือการกำหนดเงื่อนไขโทรศัพท์ที่จะใช้ Daydream VR
ในเอกสารระบุเอาไว้ว่า Daydream VR นั้นจะต้องผ่านเงื่อนไขดังต่อไปนี้ เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานของ Google
- ต้องมีเป็นโทรศัพท์ที่มีหน่วยประมวลผลอย่างน้อย 2 คอร์
- ต้องรองรับโหมดประมวลผลจัด (Performance Mode)
- ต้องรองรับ Vulkan ในระดับ Level 0 บนฮาร์ดแวร์ และควรจะรองรับ Level 1 ด้วยถ้าเป็นไปได้
- ต้องรองรับการถอดรหัส H.264 ที่ความละเอียด 3840 x 2160 ได้ที่ 30FPS บิตเรต 40Mbps
- ต้องรองรับการถอดรหัส HEVC (H.265) และ VP9 โดยต้องสามารถถอดรหัสได้ที่ 1920 x 1080 ที่ 30FPS ที่บิตเรต 10Mbps และสามารถถอดรหัสได้ที่ 3840 x 2160 ที่ 30FPS บิตเรต 20Mbps
- ควรจะ android.hardware.sensor.hifi และต้องมี Gyroscope, Accelerometer, Magnetometer (ข้อนี้ไม่บังคับ แต่อาจจะบังคับในอนาคต)
- ต้องมีหน้าจอแสดงผล และต้องมีความละเอียดอย่างน้อย Full HD และแนะนำให้ใช้ QHD (2560 x 1440)
- ต้องมีหน้าจอแสดงผล 4.7 – 6 นิ้ว
- ต้องมีรีเฟรชเรตที่ 60Hz ระหว่างใช้งาน VR Mode
- ความหน่วงระหว่างเปลี่ยนจากสีเทาไปเป็นสีเทา สีดำไปเป็นขาว และขาวไปเป็นดำต้องต่ำกว่า 3 มิลลิวินาที
- ต้องรองรับ Bluetooth 4.2 และ Bluetooth LE Data Length Extension
ปัจจุบันมือถือที่รองรับ Daydream VR แบบจริงๆ ก็คือ Google Pixel, Google Pixel XL และ Asus Zenfone 3 Deluxe เนื่องจากจะต้องเป็น Snapdragon 821 เท่านั้นจึงจะรองรับ Daydream VR ได้
ในเอกสารไม่ได้ล็อกสเปคหน้าจอว่าจะต้องใช้พาแนลแบบ OLED ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนมีตัวเลือก LCD ด้วย แต่จากการกำหนดความเร็วในการตอบสนองค่อนข้างสั้น (3 มิลลิวินาที) ทำให้ผู้ผลิตส่วนใหญ่น่าจะหันไปใช้ AMOLED เนื่องจากตอบสนองได้เร็วกว่า LCD นั่นเอง
สำหรับคนที่อยากจะใช้ Daydream VR คงต้องรอกันอีกสักพัก เนื่องจากปัจจุบันมือถือที่รองรับ Daydream VR ยังมีค่อนข้างจำกัด และหาซื้อในประเทศไทยยากมาก รวมไปถึงต่อให้ซื้อมา ก็ยังมีเนื้อหาในอินเทอร์เน็ต ให้เสพกันไม่มากนัก รออีกสักพักให้ตลาดเติบโตกว่านี้แล้วค่อยซื้อมือถือมาเล่น Daydream VR ก็ยังไม่สาย
ที่มา – Android Authority