Google จ่ายเงินให้ Apple เพื่อให้ Safari ใช้เป็น Default Search Engine บน iOS มาตลอด (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2) และตัวเลขที่จ่ายนี้พุ่งสูงขึ้นทุกปีแบบก้าวกระโดด
เอกสารจากการต่อสู้คดีระหว่าง Epic กับ Apple เผยว่าปีนี้ Google อาจจะจ่ายเงินให้กับ Apple เพื่อ Safari ตั้งเป็น Default Search Engine อาจจะสูงถึง $15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปีหน้าอาจจะเพิ่มเป็น $20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ต้นปีที่ผ่านมา Jane Horvath ผู้อำนวยการของทีมนโยบาย Apple เผยว่าที่ Safari ใช้ Google ก็เพราะว่าเป็นเสิร์ชเอนจิ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนเสิร์ชเอนจิ้นด้วยตัวเองได้ทุกเมื่อ ไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับว่า Apple รับเงินจาก Google เพื่อคงความเป็น Default Search Engine เอาไว้
เงินส่วนนี้จะถูกนับเป็นรายได้ของฝั่งธุรกิจการให้บริการของ Apple (ซึ่งก็เป็นแผนกที่เติบโตมากที่สุดในช่วงนี้) อย่างไรก็ตามการจ่ายเงินเพื่อให้ได้ตำแหน่งดังกล่าวอาจจะถูกมองว่าเป็นการผูกขาดตลาดอยู่ดี และถ้าหากศาลตัดสินว่าผิดจริงจนไม่สามารถทำได้อีกอาจจะทำให้ Apple สูญเสียรายได้ 4 – 5% ต่อปีเลยทีเดียว โดย Google เองระหว่างนี้อาจจะหยุดจ่ายเงินให้ Apple เพื่อสร้างอำนาจต่อรองก็ได้ แต่นักวิเคราะห์คาดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะ Google จ่ายเงินให้ Apple เพื่อเป็น Default Search Engine บน iOS มาตลอดเพราะ Google ต้องการความมั่นใจว่า Apple จะไม่เปิดโอกาสให้ Microsoft เข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดได้
ปัจจุบันรายได้หลักของ Google ยังคงเป็นการขายโฆษณาบนทุกแพลตฟอร์ม ไตรมาสที่สองที่ผ่านมา Google มีกำไรทั้งสิ้น $61,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับบริการค้นหาก็ทำกำไรไปได้แล้ว $7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่ได้มีตัวเลขว่า Safari นำมาซึ่งรายได้เท่าไหร่ และการจ่ายเงินให้ Apple ที่เพิ่มขึ้นทุกปีจนแซงหน้ารายได้ไปนั้นยังคุ้มค่าหรือไม่
ที่มา – Gizmodo