ครบรอบหนึ่งปีที่ Google เปิดตัว Pixel รุ่นแรกเป๊ะๆ (ปีแล้วก็เปิดตัววันที่ 4 ตุลาคมตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) ก็ถึงเวลาเปิดตัวทายาทรุ่นที่สองอย่าง Google Pixel 2 แน่นอนว่าปีนี้ยังคงเปิดตัวทีเดียวสองรุ่น แต่ปีนี้ไม่ได้มีความแตกต่างแค่ขนาดหน้าจอเท่านั้น เพราะรุ่น XL จะมีอัตราส่วนหน้าจอที่เปลี่ยนไปอีกด้วย
Google Pixel 2: Specification
- หน้าจอกระจก Gorilla Glass 5
- ขนาดหน้าจอ: 5 นิ้ว (1920 x 1080) อัตราส่วน 16:9
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 835
- หน่วยความจำ 4GB
- พื้นที่ในเครื่อง 64 หรือ 128GB
- กล้องหลัง 12.2 Megapixel
- กล้องหน้า 8 Megapixel
- ใช้พอร์ต USB Type C
- ไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- แบตเตอรี 2,700 mAh
- กันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 LE
Google Pixel 2 XL: Specification
- หน้าจอกระจก Gorilla Glass 5
- ขนาดหน้าจอ: 6 นิ้ว (2880 x 1440) อัตราส่วน 18:9
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 835
- หน่วยความจำ 4GB
- พื้นที่ในเครื่อง 64 หรือ 128GB
- กล้องหลัง 12.2 Megapixel
- กล้องหน้า 8 Megapixel
- ใช้พอร์ต USB Type C
- ไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- แบตเตอรี 3,520 mAh
- กันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 LE
ความแตกต่างหลังของทั้งสองเครื่องเห็นจะมีเพียงหน้าจอที่ขนาดและความละเอียดแตกต่างกัน (Pixel 2 ขนาด 5 นิ้วอัตราส่วน 16:9 ส่วน Pixel 2 XL ขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 18:9) ส่วนสเปคอื่นๆ นั้นเหมือนกันหมดทุกประการ จะยกเว้นอีกเพียงอย่างเดียวก็คือแบตเตอรีนั่นเอง
ปีนี้ลำโพงของ Pixel 2 ทั้งสองขนาดถูกย้ายตำแหน่งอีกครั้ง โดยมาอยู่ด้านหน้าจอทั้งด้านบนและด้านล่างแทน (ทำให้ขอบจอค่อนข้างหนาไปโดยปริยาย) ตัวอ่านลายนิ้วมือแม้จะอยู่ที่เดิม แต่กระจกด้านหลังมีขนาดเล็กลง และยกตัวสูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้กดตัวแสกนลายนิ้วมือง่ายกว่าเดิมมาก
นอกจากนี้ทาง Google ยังอวดกล้องว่าเป็นทีเด็ดของเครื่องเช่นเดิม โดยปีที่แล้ว Google Pixel สามารถทำคะแนนจากเว็บ DxOMark ไปได้ 89 คะแนน กลายเป็นมือถือที่กล้องดีที่สุดปีที่แล้ว ปีนี้ก็ทำเซอร์ไพรส์กว่าเดิมด้วยการทำคะแนนสูงถึง 98 คะแนน กลายเป็นมือถือที่กล้องดีที่สุดอีกรอบ และที่สำคัญคือการถ่ายวิดิโอสามารถเปิดให้ใช้งานได้ทั้ง OIS และ EIS ทำให้ภาพสั่นน้อยลงกว่าเดิมมากๆ (ในที่สุดก็ยอมใส่ OIS จนได้!!)
ข่าวร้ายก็คือพอร์ตสำหรับหูฟัง 3.5 มม นั้นถึงคราวต้องจากลาตามข่าวลือ ผู้ที่ต้องการจะฟังเพลงจะต้องหาหัวแปลง USB Type C อีกทีหนึ่ง หรือจะใช้ Bluetooth 5.0 เพื่อการฟังเพลงบนลำโพงก็ทำให้แบนด์วิธกว้างขึ้น สัญญาณส่งไปได้ดีขึ้นกว่าเดิม
บางทีที่ถอดพอร์ตหูฟังออกอาจจะเป็นเพราะว่าต้องการทำให้โทรศํพท์กันน้ำได้นั่นเอง โดย Pixel 2 ผ่านมาตรฐานการกันน้ำที่ IP67
ฟีเจอร์ใหม่ที่เปิดให้ใช้เฉพาะบน Pixel 2 และ Pixel 2 XL ก็คือ Always-On การเปิดหน้าจอตลอดเวลา ระหว่างที่ใช้งานนี้ลำโพงจะคอยฟังเสียงตลอดเวลา ถ้าผู้ใช้งานเรียก หรือถามถึงเพลงที่กำลังเล่นอยู่ว่าคือเพลงอะไร ระบบจะปลดล็อกแล้วทำการเสิร์ชหาข้อมูลเพลงดังกล่าวทันที
นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการบีบเครื่องเพื่อใช้งาน (แบบเดียวกันกับ HTC U11) โดยเรียกว่า Active Edge อีกด้วย แค่บีบเครื่องก็สามารถเรียกแลขาอัจฉริยะมาใช้งานได้
บริการเก็บรูปฟรีไม่จำกัดขนาดบน Google Photos ยังคงมีเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า (ปัจจุบันฟรีเฉพาะความละเอียดแบบบีบอัดไม่เกิน 16 Megapixel) และเปิดให้ Pixel 2 ได้ทดลองใช้ฟีเจอร์ Google Lens ก่อนมือถือรุ่นอื่นอีกด้วย
สำหรับตัวเลือกด้านสีนั้น ทาง Google Pixel 2 ทำออกมาทั้งหมดสามสี ชื่อยังคงตั้งชื่อจิกกัดวงการมือถือที่หลังๆ ตั้งชื่อเวอร์ๆ ด้วยชื่ออย่าง ค่อนข้างดำ (Just Black), ฟ้าจริงๆ (Kinda Blue) และ ขาวสุดๆ (Clearly White) ส่วน Pixel 2 XL จะมีให้เลือกแค่สองสีเท่านั้น คือดูโอ้โทนขาวดำ และดำล้วน
สุดท้ายนี้ทาง Google การันตีว่า Pixel 2 และ Pixel 2 XL จะได้รับอัพเดทต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยสามปี
สำหรับราคาวางจำหน่ายในสหรัฐนั้นแบ่งดังนี้
- Google Pixel 2 64GB ราคา $649 ดอลลาร์สหรัฐ
- Google Pixel 2 128GB ราคา $749 ดอลลาร์สหรัฐ
- Google Pixel 2 XL 64GB ราคา $849 ดอลลาร์สหรัฐ
- Google Pixel 2 XL 128GB ราคา $949 ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับประเทศกลุ่มแรกที่จะมีวางจำหน่ายก็คือ ออสเตรเลีย แคนาดา เยอรมันนี อินเดีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา
ส่วนประเทศที่มีแผนจะนำไปวางจำหน่ายภายในปีนี้ ได้แก่อิตาลี สิงคโปร์ และสเปน
กำหนดวางจำหน่าย Pixel 2 คือ 19 ตุลาคม ส่วน Pixel 2 XL อยู่ที่ 15 พฤศจิกายน ผู้ที่ซื้อภายในช่วงเวลาที่กำหนดจะได้รับ Google Home Mini แถมไปด้วย โดยโปรโมชันนี้มีเฉพาะในแคนาดาและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ที่มา – Android Authority, Android Police