Google เปลี่ยนวิธีสู้กับข่าวหลุดมาตั้งแต่สมัย Pixel 4 ด้วยการปล่อยภาพเองเสียเลย และปีนี้ Google ก็ปล่อยภาพและรายละเอียดคร่าวๆ ของ Pixel 6 ออกมาแล้ว
https://twitter.com/madebygoogle/status/1422226005339557889
ทาง Google เผยข้อมูลบนทวิตเตอร์ของตัวเอง (@madebygoogle) ว่า Google Pixel 6 และ Pixel 6 Pro จะมีฟีเจอร์อะไรบ้าง ผู้ที่สนใจสามารถติดตามได้ที่ Thread tweet ของทาง Google หรือจะอ่านที่เราสรุปคร่าวๆ ให้ก็ได้ดังนี้ครับ
- มือถือจะมีด้วยกันสองรุ่น ได้แก่ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro
- รุ่น Pixel 6 จะมีกล้องหลังสองตัว หน้าจอ 6.4 นิ้ว และรีเฟรชเรท 90Hz
- รุ่น Pixel 6 Pro จะมีกล้องหลังสามตัว หน้าจอ 6.7 นิ้ว ขอบด้านข้างโค้งเล็กน้อย และรีเฟรชเรท 120Hz กล้องที่เพิ่มมาคือเลนส์ Telephoto
- กล้องหน้าย้ายมาอยู่กึ่งกลางจอแล้ว
- ชิปประมวลผลเป็นผลงานการพัฒนาของ Google เอง ใช้ชื่อว่า Google Tensor (Google ยังไม่เผยว่าใช้สถาปัตยกรรมหลักจากใคร แต่คาดว่าเอามาจาก Samsung Exynos)
- ชิป Google Tensor จะเน้นการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning เป็นหลัก โดยทาง Google บอกว่าจะทำให้ภาพที่ถ่าย ระบบเรียนรู้เสียงผู้ใช้งาน การแปลภาษา คำพูด และแปลงเป็นข้อความทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
- หน้าตาของระบบปฏิบัติการ Android 12 จะเป็น Material You ที่เปิดตัวในงาน Google I/O ที่ผ่านมา
ทาง Google ไม่ได้เผยว่ากล้องหลังจะมีความละเอียดเท่าไหร่ แต่คาดว่าจะเปลี่ยนเซนเซอร์ที่ใช้มาต่อเนื่อง 4 ปีให้กลายเป็นเซนเซอร์ใหม่ที่มีความละเอียด 50 Megapixel แล้ว
สำหรับชิปประมวลผลนั้นสำนักข่าว Nikkei รายงานว่า Google พัฒนาชิปเซ็ตนี้มาสี่ปีแล้วเพื่อใช้งานกับ Pixel โดยเฉพาะ การพัฒนาทำร่วมกับ Samsung มาตลอด และจะส่งให้ทาง Samsung ผลิตด้วยกระบวนการผลิตขนาด 5 นาโนเมตร สิ่งที่ Google จะชูเป็นจุดเด่นคือความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตนเชี่ยวชาญ แทนที่จะแข่งเรื่องพลังประมวลผล หรือความถี่สัญญาณนาฬิกา
สำหรับฟีเจอร์สมัยนั้น Google ใส่มาครบครัน ไม่ว่าจะเป็นตัวอ่านลายนิ้วมือในหน้าจอ หรือชิปเข้ารหัส Titan M2
ตัวเครื่องนั้นเป็นกระจกทั้งด้านหน้า และด้านหลังเช่นเดียวกับที่ Samsung, Huawei, Apple ใช้ส่วนเฟรมบอดี้เป็นอลูมิเนียม โดยทาง Google ยอมรับว่ารอบนี้กลับมาเพื่อท้าชิงตำแหน่งในกลุ่มมือถือพรีเมียม (ที่ราคาเกิน $1,000 ดอลลาร์สหรัฐ) แปลว่ารอบนี้ราคาน่าจะสูงสุดๆ เช่นเดียวกับรายอื่นๆ
ที่มา – The Next Web, The Verge, 9to5Google