Google เปิดตัว Pixel 7 และ Pixel 7 Pro แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้โชว์ภาพแว้บๆ ในงาน I/O 2022 ที่ผ่านมา
ตัวเครื่องยังคงมีหน้าตาที่ลักษณะคล้ายของเดิมมาก (ยกเว้นแค่ Pixel 7 มีหน้าจอเล็กลง) การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่จะเป็นที่ฝั่งซอฟท์แวร์เสียมากกว่า โดยสเปคของตัวเครื่องมีดังนี้
Pixel 7
- หน่วยประมวลผล: Google Tensor G2
- หน้าจอ: 6.3 นิ้ว (2400 x 1080 Pixel, OLED) กระจกหน้าเป็น Gorill Glass Victus
- กล้องหลัง: 50 (Main) + 12 (UltraWide) Megapixel
- กล้องหน้า: 10.8 Megapixel
- หน่วยความจำ: 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 128 / 256GB
- แบตเตอรี: 4,335 mAh
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13
Google โฆษณาว่า Tensor G2 นั้นมีพลังประมวลผลด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เพิ่มมาเกือบๆ 60% ทำให้งานที่ต้องประมวลผลหนักๆ เช่น NIght Sight (โหมดถ่ายรูปกลางคืน) สามารถทำงานได้เร็วขึ้นเกือบสองเท่า นอกจากนี้ยังมี Face Unblur ที่ปรับให้ภาพหายเบลอได้อีกด้วย และยังสามารถปรับแก้ภาพเก่าที่ถ่ายจากกล้องอื่นให้คมได้อีกด้วย แต่ฟีเจอร์นี้จะต้องกดใช้งานจาก Pixel 7 หรือ 7 Pro เท่านั้น
สำหรับ Pixel 7 นั้นจะมีกล้องหลังแค่สองตัว ได้แก่ 50 MP ที่เป็นกล้องหลัก และ 12MP ที่เป็น UltraWide รอบนี้ทั้งสองเลนส์สามารถทำงานพร้อมๆ กันเพื่อส่งข้อมูลไปให้ Tensor G2 ประมวลผล และออกมาเป็นภาพที่คมชัดได้ (คล้ายๆ กับ Deep Fusion ของ Apple) ส่วนการถ่ายวิดิโอนั้นปีนี้เพิ่ม Cinematic Mode ที่ทำให้ภาพที่ถ่ายมาเหมือนถ่ายด้วยกล้องถ่ายหนัง ฉากหลังเบลอ และเก็บข้อมูลวิดิโอที่ระดับ HDR 10-bit color ส่วนกล้องหน้านั้นเป็นเพียงกล้อง 10.8 Megapixel ที่ฮาร์ดแวร์ไม่มีอะไรโดดเด่นครับ แต่จะมีซอฟท์แวร์ช่วยในการถ่ายกล้องหน้า จะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการมองเห็น และไม่สามารถตอบได้ว่าใบหน้าของตนอยู่ในเฟรมรูปแล้วหรือยัง สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปอาจจะไม่มีอะไรแตกต่างมากนัก
ในอนาคตอันใกล้นี้ Google จะปล่อยอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Clear calling ที่ทำใหห้เสียงคุยสนทนาชัดเจนปราศจากเสียงรบกวนภายนอก แน่นอนว่านี่ก็เป็นผลงานของปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาขึ้นมาเช่นกันครับ
ตัวเครื่องแถบ Camera Bar ด้านหลังถูกปรับใหม่ให้เป็นส่วนเดียวกันกับเฟรมตัวเครื่อง ทำให้ทนทานมากขึ้นกว่าเดิมอีก และรอบนี้วัสดุออกแบบมาเป็นแบบอลูมิเนียมด้าน ทำให้ไม่สะท้อนแสงมากเท่ารุ่นก่อนหน้าครับ
สำหรับการชาร์จไฟนั้นรองรับการชาร์จไฟแบบมีสายสูงสุดที่ 30W ส่วนไร้สายนั้นสามารถทำหน้าที่จ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่น (เช่นหูฟัง) ได้ด้วย ตัวเครื่องยังคงกันน้ำที่ระดับ IP68 เท่ากับรุ่นก่อนหน้าครับ
สุดท้ายนี้ตัวเลือกมีด้วยกันสามสี ได้แก่ สีขาว (snow), สีดำ (obisdian) และสีเขียว (Lemongrass) ตัวเครื่องจะได้รับอัพเดทความปลอดภัยเป็นเวลาทั้งหมด 5 ปีด้วยกัน และราคาวางจำหน่ายในสหรัฐอยู่ที่ $599 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับประเทศที่ใกล้ประเทศไทยที่สุดอย่างสิงค์โปร์ราคาแพงกว่ามาก คืออยู่ที่ $999 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือแพงขึ้นราวๆ 3,000 บาทเลยทีเดียวครับ
Pixel 7 Pro
- หน่วยประมวลผล: Google Tensor G2
- หน้าจอ: 6.7 นิ้ว (LTPO 120Hz) กระจกหน้าเป็น Gorill Glass Victus
- กล้องหลัง: 50 (Main) + 12 (UltraWide) + 48 (Telephoto) Megapixel
- กล้องหน้า: 10.8 Megapixel
- หน่วยความจำ: 12GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 128 / 256 / 512GB
- แบตเตอรี: 5,000 mAh
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13
ความแตกต่างแทบทั้งหมดของ Pixel 7 Pro เมื่อเทียบกับ Pixel 7 แล้วเป็นเรื่องของฮาร์แวร์แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่า ดีกว่า แบตเตอรีที่ใหญ่กว่า และมีกล้องเพิ่มมาอีกหนึ่งตัว ทำให้สามารถทำ Optical Zoom ได้ 5 เท่า และ Super Res Zoom ได้ 30 เท่าด้วยกัน
ตัวเครื่องมีให้เลือกสามสีเช่นกัน ได้แก่สีขาว (snow), สีดำ(obsidian) และสีเทา (hazel) ราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ $899 ดอลลาร์สหรัฐครับ