Apple ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป HomePod (รุ่นที่ 2) และ HomePod mini จะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อนำประสบการณ์เสียงอันน่าประทับใจมาสู่ทุกพื้นที่ของบ้าน โดย HomePod ใหม่ซึ่งออกแบบมาให้ทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ใช้ประโยชน์จากระบบเสียงเชิงคำนวณสุดล้ำในการมอบระบบเสียงอะคูสติกอันล้ำสมัย มอบพลังเสียงที่ยิ่งใหญ่ในดีไซน์แบบกะทัดรัด
ผู้ใช้ HomePod และ HomePod mini สามารถรับฟังแคตตาล็อกเพลงกว่า 100 ล้านเพลงใน Apple Music1 เพลิดเพลินไปกับเสียงที่ดังกระหึ่มทั่วห้องด้วยลำโพงเพียงตัวเดียวในแบบคู่สเตอริโอ และใช้ระบบเสียงที่เล่นพร้อมกันในหลายห้อง หรือสร้างประสบการณ์โฮมเธียเตอร์ที่สมจริงด้วย Apple TV 4K นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถใช้ Siri เพื่อเข้าถึงความรู้ด้านดนตรี หรือจะค้นหาเพลงตามชื่อศิลปิน ชื่อเพลง เนื้อร้อง ปีทศวรรษ แนวเพลง อารมณ์เพลง หรือตามกิจกรรม ก็ทำได้เช่นกัน
ลำโพงทั้งสองซึ่งอัดแน่นด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ และความอัจฉริยะของ Siri มอบวิธีการอันสะดวกสบายในการจัดการกับภารกิจประจำวันและการควบคุมระบบบ้านอัจฉริยะ ผู้ใช้สามารถสร้างการทำงานอัตโนมัติของบ้านอัจฉริยะผ่าน Siri รับการแจ้งเตือนเมื่อเซ็นเซอร์ส่งเสียงว่าตรวจพบควันไฟหรือก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในบ้าน ตรวจดูอุณหภูมิและความชื้นของห้อง รวมถึงใช้งานอินเตอร์คอมเพื่อส่งการประกาศไปทั่วบ้านโดยไม่ต้องสัมผัสหรือกดปุ่มใดๆ เลย
เสียงอันน่าทึ่ง
HomePod มอบคุณภาพเสียงที่สมจริง เสียงเบสที่ทุ้มลึก และเสียงสูงที่น่าประทับใจ พร้อมรองรับแทร็คเพลงที่ใช้ระบบเสียงตามตำแหน่งเพื่อความเต็มอิ่มสมจริง วูฟเฟอร์แบบ High-excursion แบบเฉพาะที่ขับเคลื่อนไดอะแฟรมให้ขยับไปมาได้ถึง 20 มม. ไมโครโฟนในตัวที่ตั้ง EQ มาสำหรับเสียงเบส และชุดทวีตเตอร์แบบบีมฟอร์มมิ่ง 5 ตัว ต่างทำหน้าที่ประสานกันเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านเสียงอันทรงพลัง ชิป S7 ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีรับรู้การทำงานในระบบเพื่อสร้างระบบเสียงเชิงคำนวณอันล้ำสมัยยิ่งขึ้น ที่จะแสดงพลังของระบบเสียงอะคูสติกได้อย่างถึงขีดสุด เพื่อประสบการณ์การฟังในระดับสะเทือนวงการเทคโนโลยีการรับรู้ตำแหน่งภายในห้องช่วยให้ HomePod นำข้อมูลเสียงสะท้อนจากพื้นผิวใกล้เคียงมาประมวลผลว่า ตอนนี้ตัวเครื่องวางอยู่ชิดผนังห้องหรือตั้งอยู่กลางห้อง แล้วนำไปปรับเปลี่ยนลักษณะเสียงได้แบบเรียลไทม์ การควบคุมทิศทางอันแม่นยำของชุดทวีตเตอร์แบบบีมฟอร์มมิ่ง 5 ตัว สามารถแยกและยิงแนวเสียงทั้งแบบตรงและแบบแวดล้อม เพื่อให้ผู้ฟังได้ดื่มด่ำกับเสียงร้องที่ชัดใสและเสียงเครื่องดนตรีแบบเต็มอิ่ม
HomePod mini มาพร้อมอะคูสติกเวฟไกด์ที่ออกแบบโดย Apple ที่จะควบคุมทิศทางของเสียงให้ออกมาทางด้านล่างของลำโพงเพื่อสร้างประสบการณ์เสียงแบบ 360 องศาที่ดื่มด่ำสมจริง ลูกค้าจึงสามารถวางไว้ได้เกือบจะทุกที่ในห้องโดยยังจะได้ยินเสียงที่สม่ำเสมอ ชุดไมโครโฟน 3 ตัวจะรอฟังคำสั่ง “หวัดดี Siri” ส่วนไมโครโฟนตัวที่ 4 ซึ่งหันเข้าด้านในจะคอยแยกแยะเสียงที่มาจากลำโพง เพื่อการจับเสียงที่ดียิ่งขึ้นในขณะที่เล่นเพลงอยู่เพื่อให้ได้พลังเสียงที่ยิ่งใหญ่ในดีไซน์อันแสนกะทัดรัด ชิป Apple S5 จะทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์สุดล้ำเพื่อวิเคราะห์ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเพลง และใช้รูปแบบการปรับจูนอันซับซ้อนเพื่อเพิ่มระดับความดัง ปรับช่วงไดนามิก และควบคุมการเคลื่อนไหวของไดรเวอร์รวมถึงแพสซีฟเรดิเอเตอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ ไดรเวอร์ที่ให้เสียงครบทุกช่วงที่สร้างสรรค์โดย Apple ขับเคลื่อนด้วยแม่เหล็กนีโอไดเนียมและแพสซีฟเรดิเอเตอร์คู่แบบตัดแรงสั่น ช่วยให้สามารถสร้างเสียงเบสที่หนักแน่นและเสียงถี่สูงที่คมชัด
การออกแบบที่ประณีต
ผ้าตาข่ายแบบไร้รอยต่อที่ไม่ส่งผลต่อเสียงในทางอะคูสติก และพื้นผิวสัมผัสแบบแบ็คไลท์ที่จะสว่างขึ้นแบบขอบจรดขอบช่วยให้ HomePod และ HomePod mini ดูสวยงามเหมาะกับการนำไปวางตกแต่งในทุกพื้นที่
HomePod มีวางจำหน่ายในสีขาวและสีมิดไนท์ สีใหม่ที่ผลิตขึ้นจากผ้าตาข่ายรีไซเคิล 100% ในขณะที่ HomePod mini มาในสีสดใสเพื่อเพิ่มสีสันให้กับบ้าน ทั้งสีส้ม สีเหลือง และสีฟ้า รวมถึงสีเทาสเปซเกรย์และสีขาว ทั้ง HomePod และ HomePod mini มาพร้อมสายไฟแบบถักสีเข้ากัน
ยกระดับประสบการณ์ด้านเสียงด้วยการใช้ลำโพง HomePod หลายเครื่อง
การใช้ลำโพง HomePod หรือ HomePod mini ร่วมกัน 2 เครื่องขึ้นไปจะช่วยปลดล็อคหลากหลายคุณสมบัติอันทรงพลัง เมื่อใช้ระบบเสียงที่เล่นพร้อมกันในหลายห้องด้วย AirPlay2 ผู้ใช้สามารถพูดว่า “หวัดดี Siri” หรือแตะค้างไว้ที่ด้านบนของ HomePod หรือ HomePod mini เพื่อสั่งให้เล่นเพลงเดียวกันผ่านลำโพงหลายตัว เล่นเพลงแตกต่างกันบนลำโพงแต่ละตัว หรือแม้แต่ใช้ลำโพงเป็นอินเตอร์คอมเพื่อประกาศข้อความไปยังห้องอื่นๆ
ผู้ใช้ยังสามารถสร้างคู่เสียงสเตอริโอโดยใช้ลำโพงสองเครื่องซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้อีกด้วย3 ซึ่งนอกจากจะเล่นเพลงในช่องเสียงซ้ายและขวาแยกกันแล้ว คู่เสียงสเตอริโอนี้ยังจะเล่นเพลงในแต่ละช่องเสียงให้สอดคล้องลงตัวกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านเสียงที่โดดเด่นเหนือใคร
การทำงานอย่างไร้รอยต่อร่วมกับระบบนิเวศของ Apple
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ทำให้ผู้ใช้สามารถย้ายสิ่งที่กำลังเล่นอยู่บน iPhone เช่น เพลงโปรด พ็อดคาสท์ หรือแม้แต่สายที่โทรค้างอยู่ มาเปิดเล่นต่อที่ HomePod หรือ HomePod mini ได้โดยตรง ทุกคนในบ้านสามารถควบคุมสิ่งที่กำลังเล่นอยู่ หรือรับเพลงที่คัดสรรตามผู้ใช้ และการแนะนำพ็อดคาสท์ได้ง่ายๆ เพียงนำ iPhone มาอยู่ใกล้กับ HomePod หรือ HomePod mini แล้วคำแนะนำจะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ กลุ่มผลิตภัณฑ์ HomePod ยังจดจำเสียงได้มากถึง 6 เสียง สมาชิกแต่ละคนในบ้านจึงสามารถรับฟังเพลงในเพลย์ลิสต์ของตัวเอง ถามข้อมูลเรื่องการเตือนความจำ และเพิ่มกิจกรรมลงในปฏิทินได้อีกด้วย
กลุ่มผลิตภัณฑ์ HomePod สามารถจับคู่กับ Apple TV 4K ได้อย่างง่ายดาย เพื่อสร้างประสบการณ์โฮมเธียเตอร์อันทรงพลัง และการรองรับ eARC (Enhanced Audio Return Channel)4 บน Apple TV 4K ก็ช่วยให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้เป็นระบบเสียงสำหรับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่กับทีวีได้ เมื่อจับคู่กับ HomePod (รุ่นที่ 2) หรือ HomePod mini คุณสมบัติปรับเสียงสนทนาจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยินสิ่งที่พูดอยู่ในภาพยนตร์หรือรายการทีวีบน Apple TV 4K ได้ชัดเจนกว่าเสียงเอฟเฟ็กต์ แอ็คชั่น และดนตรี ด้วยการแยกเสียงสนทนาออกจากเสียงเบื้องหลัง และนำเสียงสนทนามาไว้ที่แชนเนลกลาง และด้วย Siri ผู้ใช้งานจะสามารถควบคุมสิ่งที่กำลังเล่นอยู่บน Apple TV 4K ได้แบบไม่ต้องสัมผัสหรือกดปุ่มใดๆ เลย
“ค้นหาของฉัน” ทำให้ผู้ใช้ทราบตำแหน่งของอุปกรณ์ Apple เครื่องต่างๆ ของตนเอง เช่น iPhone ได้ด้วยการทำให้อุปกรณ์ที่หาไม่เจอนั้นส่งเสียงออกมา นอกจากนั้น ผู้ใช้ยังสามารถใช้ Siri เพื่อขอทราบตำแหน่งที่ตั้งของเพื่อนๆ หรือบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งได้เแชร์ตำแหน่งที่ตั้งผ่านแอปนี้ได้อีกด้วย
สิ่งจำเป็นสำหรับบ้านอัจฉริยะ
คุณสมบัติการจำเสียง5 ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ HomePod สามารถฟังเสียงของเซ็นเซอร์ตรวจจับควันไฟหรือก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ แล้วส่งการแจ้งเตือนไปที่ iPhone ของผู้ใช้ได้โดยตรงเมื่อเซ็นเซอร์ส่งเสียงเตือน เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้น6ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในตัวนี้สามารถตรวจวัดข้อมูลภายในบ้านได้ ผู้ใช้จึงสามารถสร้างการทำงานอัตโนมัติให้ปิดม่านหรือพัดลมโดยอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิในห้องอยู่ถึงจุดที่กำหนดไว้7
เมื่อใช้งาน Siri ลูกค้าจะสามารถควบคุมอุปกรณ์หนึ่งชิ้นหรือสร้างบรรยากาศอย่าง “อรุณสวัสดิ์” ที่จะสั่งให้อุปกรณ์เสริมสำหรับบ้านอัจฉริยะหลายเครื่องทำงานพร้อมกัน หรือสร้างการทำงานอัตโนมัติที่เกิดซ้ำได้โดยไม่ต้องสัมผัสหรือกดปุ่มใดๆ เลย เพียงสั่งว่า “หวัดดี Siri เปิดม่านทุกวันตอน 6 โมงเช้า” เสียงยืนยันเสียงใหม่จะช่วยให้ทราบว่า Siri ทำตามคำขอให้ควบคุมอุปกรณ์เสริมสำเร็จแล้ว ซึ่งมีประโยชน์กับอุปกรณ์บางอย่างที่ไม่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน เช่น เครื่องทำความร้อน หรืออุปกรณ์เสริมที่อยู่ในห้องอื่น เสียงแอมเบียนซ์ เช่น เสียงทะเล เสียงป่า และเสียงฝนตก ก็ได้รับการรีมาสเตอร์และผสานให้เข้ากับประสบการณ์ต่างๆ ได้อย่างลงตัวมากขึ้น ผู้ใช้จึงสามารถเพิ่มเสียงใหม่ๆ นี้ลงไปในบรรยากาศ การทำงานอัตโนมัติ และใช้เป็นเสียงแจ้งเตือนได้
ผู้ใช้ยังสามารถเลื่อนหา ดู และจัดเรียงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยแอปบ้าน ที่มีหมวดหมู่ต่างๆ สำหรับสภาพภูมิอากาศ แสงไฟ และความปลอดภัย ช่วยให้ตั้งค่าและควบคุมระบบบ้านอัจฉริยะได้อย่างง่ายดาย รวมถึงมุมมองแบบหลายกล้องอันสวยงาม และช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูประวัติกิจกรรมในช่วง 30 วันที่ผ่านมาของตัวล็อคประตู ประตูโรงรถ ระบบสัญญาณแจ้งเหตุ และเซ็นเซอร์การสัมผัส ในขณะนี้ คุณสมบัติการล็อค 2 รายการที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน HomeKit อย่างแตะเพื่อปลดล็อคและรหัส PIN ก็สามารถใช้งานได้กับตัวล็อคที่ใช้ได้กับ Matter เพื่อเพิ่มวิธีในการเชื่อมต่อเข้ากับบ้าน
การรองรับ Matter
Matter ช่วยให้ผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะสามารถทำงานข้ามระบบนิเวศ ในขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุดไว้ได้ Apple เป็นหนึ่งในสมาชิกของ Connectivity Standards Alliance ร่วมกับบริษัทชั้นนำอื่นๆ ของวงการที่นำเสนอมาตรฐาน Matter โดย สามารถเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์เสริมที่รองรับ Matter และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางอุปกรณ์บ้านที่สำคัญเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับบ้านอัจฉริยะของตนเองได้แม้ไม่อยู่บ้าน
ข้อมูลของลูกค้าคือทรัพย์สินส่วนบุคคล
ค่านิยมหลักข้อหนึ่งของ Apple ก็คือการปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ดังนั้น การสื่อสารทั้งหมดของบ้านอัจฉริยะจึงถูกเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทางเสมอ เพื่อให้ข้อมูลนี้ไม่สามารถอ่านได้โดย Apple รวมถึงภาพที่บันทึกจากกล้องด้วยคุณสมบัติวิดีโอ HomeKit เพื่อความปลอดภัยด้วย เมื่อใช้ Siri เสียงคำขอต่างๆ จะไม่ถูกเก็บไว้โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จึงวางใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวของตนเองภายในบ้านจะได้รับการปกป้อง
HomePod และสิ่งแวดล้อม
HomePod ทั้งสองรุ่นได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยมีการใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กของลำโพง และพลาสติกรีไซเคิลในผ้าตาข่าย รวมถึงพลาสติกรีไซเคิล 100% ในผ้าสีมิดไนท์ใหม่ของ HomePod นอกจากนี้ HomePod ยังใช้ทองรีไซเคิล 100% ในการเคลือบแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้น เยื่อไม้ทั้งหมดในบรรจุภัณฑ์ก็มาจากแหล่งวัสดุที่จัดหาอย่างมีความรับผิดชอบและวัสดุรีไซเคิล ลำโพงทั้งสองยังปลอดสารปรอท สารหน่วงการติดไฟกลุ่มโบรมีน, PVC และเบริลเลียม
HomePod ทั้งสองรุ่นใช้ส่วนประกอบและซอฟต์แวร์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์ในระหว่างที่ไม่มีการใช้งานได้อย่างชาญฉลาด ตัวอย่างเช่น ด้วยการออกแบบให้ HomePod และ HomePod mini มาพร้อมคุณสมบัติการจัดการพลังงานที่ปรับแต่งมาอย่างดี และอุปกรณ์จ่ายไฟประสิทธิภาพสูง จึงทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในโหมดพลังงานต่ำ ซึ่งนับเป็นเวลาส่วนใหญ่ของการใช้งาน ผลที่ได้ก็คือประหยัดพลังงานตั้งแต่แกะออกมาจากกล่อง และใช้พลังงานน้อยกว่าข้อกำหนดที่เข้มงวดที่สุดของ ENERGY STAR ราว 75 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ Apple มีความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับการดำเนินงานในระดับองค์กรทั่วโลก และวางแผนที่จะทำให้ซัพพลายเชนในการผลิตทั้งหมดรวมถึงอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 ด้วย ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายออกไปจะมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศเป็นศูนย์
ราคาและการวางจำหน่าย
- ลูกค้าในประเทศไทย สามารถสั่งซื้อ HomePod (รุ่นที่ 2) ในราคา 11,490 บาท และ HomePod mini ในราคา 3,890 บาท apple.com/th/store แอป Apple Store และในร้านค้าตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป
- HomePod (รุ่นที่ 2) ใช้งานได้กับ iPhone SE (รุ่นที่ 2) และใหม่กว่า หรือ iPhone 8 และใหม่กว่า หรือ iPad Pro, iPad (รุ่นที่ 5) และใหม่กว่า, iPad Air (รุ่นที่ 3) และใหม่กว่า หรือ iPad mini (รุ่นที่ 5) และใหม่กว่า แนะนำให้ใช้ iOS หรือ iPadOS เวอร์ชั่นล่าสุด
- HomePod mini ใช้งานได้กับ iPhone SE, iPhone 6s หรือใหม่กว่า หรือ iPod touch (รุ่นที่ 7) หรือ iPad Pro, iPad (รุ่นที่ 5 หรือใหม่กว่า), iPad Air 2 หรือใหม่กว่า หรือ iPad mini 4 หรือใหม่กว่า แนะนำให้ใช้ iOS หรือ iPadOS เวอร์ชั่นล่าสุด
- สมาชิกใหม่สามารถใช้ Apple Music ได้ฟรี 6 เดือน เมื่อซื้อ HomePod หรือ HomePod mini รุ่นใดก็ได้
>