iPad รุ่นปกติรอบนี้เป็นรุ่นที่เก้าในซีรีส์ (ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการคือ iPad 9th Gen) ยังคงมีหน้าตาภายนอกที่เหมือนเดิมแทบทุกประการ แต่เปลี่ยนสเปคข้างในเล็กน้อย
Apple เลือกใช้ชิป Apple A13 (ตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone 11) ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก เพราะปีที่แล้วก็ใช้ Apple A12 เป็นปกติที่ชิปประมวลผลของ iPad จะเป็นรุ่นที่เก่ากว่า iPhone ประจำปีสองรุ่นด้วยกัน สาเหตุก็เพราะว่าต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ทำให้ราคา iPad กดให้ถูกลงกว่าเดิมได้อีกด้วย
Apple โฆษณาว่า Apple A13 แรงกว่ารุ่นเดิม ไม่ว่าจะในแง่ของ CPU, GPU, Neural Engine ราวๆ 20% ซึ่งแม้จะไม่ใช่ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุด แต่ก็แรงเหลือเฟือที่จะทำงานทั่วๆ ไป หรืองานสร้างสรรค์ จดโน้ตด้วย Apple Pencil ได้
ด้วยอานิสงค์ของ Apple A13 นี่เอง ทำให้ DSP (Digital Signal Processor – ตัวแปลงข้อมูลแสงเป็นดิจิตอล) ดีขึ้นกว่าเดิมแบบก้าวกระโดดมาก ทำให้กล้องหลังถ่ายรูปในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น ออโต้โฟกัสได้เร็วกว่าเดิม
กล้องหน้าได้รับการอัพเกรดเป็นเซนเซอร์ 12 Megapixel และมีมุมกว้าง 122 องศา และทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ให้ควบคุมให้บุคคลอยู่กลางเฟรม ไม่ว่าจะเป็นการวิดิโอคอล หรือถ่ายวิดิโอ (ไม่จำกัดว่าจะต้องใช้กับ FaceTime เท่านั้น)
ตัวหน้าจอมีการอัพเกรดให้รองรับการแสดงผล TrueTone ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงแบบใด หน้าจอจะปรับสีให้ตรงเสมอ
อุปกรณ์เสริมในรอบนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือยังมีคีย์บอร์ด และปากกา Apple Pencil รุ่นแรก ตอนที่วางจำหน่ายจะมาพร้อมกับ iOS 15 ในตัว
iPad มีให้เลือกสองสี ได้แก่ Space Grey และ Silver เริ่มต้นความจุที่ 64GB วางจำหน่ายที่ราคา $329 ดอลลาร์สหรัฐ (ประเทศไทยขายที่ 11,400 บาท) ส่วนภาคการศึกษาจะได้ส่วนลดเล็กน้อย เหลือ $299 ดอลลาร์สหรัฐ เปิดให้สั่งได้แล้ววันนี้ ในสหรัฐจะเริ่มส่งของสัปดาห์หน้า แต่ประเทศไทยหน้าเว็บ App Store ยังไม่ขึ้นกำหนดส่งว่าจะได้เมื่อไหร่ครับ
ที่มา – YouTube