นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า iPhone 12 ที่วางจำหน่ายในปีนี้น่าจะรองรับการเชื่อมต่อ 5G แน่ๆ เพราะที่ผ่านมาเราเห็นความพยายามอย่างหนักของ Apple ที่จะเกาะกระแส 5G ของปี 2020 นี้
ที่ผ่านมา Apple ทั้งจับมือกับ Intel เพื่อพัฒนาโมเดม 5G ใช้งาน รวมไปถึงยอมแพ้และกลับไปคืนดีกับ Qualcomm รวมถึงยกเลิกคดีที่ฟ้องร้องกัน และจ่ายเงินชดเชยมหาศาลให้ เพื่อให้ได้ใช้งานโมเดม 5G ให้เร็วที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจนักถ้าหาก iPhone 12 ที่วางจำหน่ายปีนี้จะรองรับการเชื่อมต่อ 5G เพราะมือถือบางยี่ห้อที่ขายตั้งแต่ปีที่แล้วก็สามารถเชื่อมต่อ 5G ได้เช่นกัน
Ming-Chi Kuo เจ้าพ่อสายข่าว Apple เผยว่าปีนี้ต้นทุนการผลิต iPhone 12 พุ่งขึ้นอย่างมาก ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาขึ้นก็คือการเชื่อมต่อ 5G นั่นเอง ทำให้ต้องพยายามลดต้นทุนในส่วนอื่นๆ (อย่างที่เราได้ยินข่าวก่อนหน้านี้คือจะไม่มีสายชาร์จ และหูฟังให้) แต่ข่าวล่าสุดบอกว่าแบตเตอรีเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยจำนวนชั้นแบตเตอรีในแผงวงจรลดลง และมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม การลดขนาดนี้ไม่ใช่เพราะต้องการให้มีพื้นที่ว่างในเครื่องมากขึ้น แต่เพราะต้องการลดต้นทุนที่สูงขึ้นกว่าเดิม
คาดว่าการปรับวงจรและแบตเตอรีครั้งนี้จะทำให้ต้นทุนการผลิตแบตเตอรีลดลงไป 40 – 50% ด้วยกัน รวมไปถึงรุ่นที่วางจำหน่ายในปีหน้าก็จะยังคงเน้นทำราคาต่ำอยู่ แต่ไม่หนักมากเท่ากับปีนี้เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างให้ดีขึ้น
นอกจาก iPhone 12 แล้วก็มีข่าวว่า AirPods รุ่นถัดไปจะถูกปรับเปลี่ยนแบตเตอรีด้วยเช่นกัน จุดประสงค์หลักยังคงเป็นการลดต้นทุนการผลิต และเปลี่ยนไปใช้การออกแบบแบบ SiP เหมือนกับ AirPods Pro
ต้นทุนเพิ่มเติมของการทำให้โทรศัพท์รองรับความถี่ mmWave (ความถี่สูง ช่วง 30 – 300GHz) จะทำให้ Apple ต้องจ่ายค่าโมเดม และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องราวๆ $125 – 135 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วน sub-6Ghz (ช่วงต่ำกว่า 6GHz) จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น $75 – 85 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Apple จะแยกวางจำหน่ายตามประเทศที่มีคลื่นให้ใช้ หรือจะใส่ทั้งสองอย่างเข้ามาในเครื่องเดียวทั้งหมด
ที่มา – The Verge