หลังจากที่ Apple Special Event แห่งปี 2017 จบลงไป หลายคนน่าจะอิ่มหนำสำราญกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้ง Apple Watch Series 3, Apple TV 4k, iPhone X รุ่นใหม่ฉลองครบ 10 ปี iPhone และที่ขาดไม่ได้ก็ต้องเป็น iPhone 8 ที่แม้จะถูกรัศมีของพี่ใหญ่ iPhone X กลบเสียจนมิด แต่ก็เชื่อว่าน่าจะมีคนสนใจไม่น้อยและนำไปเปรียบเทียบว่ามีอะไรพัฒนาเพิ่มจาก iPhone 7 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ฉะนั้น จะรอช้าอยู่ไย ไปดูกันเลยดีกว่า
iPhone 7 กับ iPhone 8 มีอะไรแตกต่างกันบ้าง
วัสดุตัวเครื่อง ดีไซน์ และสีสัน
สิ่งที่ iPhone 8 แตกต่างจาก iPhone 7 อย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ วัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องที่แสดงถึงความหรูหราเงาวาวด้วยดีไซน์แบบกระจกทั้งหมด ซึ่งทางแอปเปิลนำเสนอว่า นี่คือกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงขอบอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศสีเดียวกับกระจก รวมถึงคุณสมบัติกันน้ำที่กันน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที ส่วนสีสันตัวเครื่องก็เปลี่ยนไปจากเดิม โดยสีใหม่ในรุ่นใหม่มีทั้งสีเทาสเปซเกรย์ สีเงิน และสีทองที่ต่างจากไอโฟนเจ็ดโดยสิ้นเชิง
หน้าจอแสดงผล
สำหรับหน้าจอแสดงผลทั้งสองรุ่นนี้ ไม่มีความแตกต่างในส่วนของขนาด 4.7 นิ้วและความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล แต่หน้าจอ Retina HD แบบใหม่ของไอโฟนแปดใช้การแสดงสีสันที่เรียกว่า True Tone Display ที่ปรับระดับแสงและความเข้มของสีสันให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ใช้งานในขณะนั้น ทำให้สายตาของผู้ใช้งานสบายตามากขึ้น ส่วนการสัมผัสแบบ 3D Touch ก็ยังมีให้ใช้งานทั้ง 2 รุ่น
ชิปเซตประมวลผลตัวใหม่
จากเดิมที่ไอโฟนเจ็ดใช้ชิปเซตประมวลผลอย่าง A10 Fusion แต่ในไอโฟนแปดเปลี่ยนมาใช้ชิปเซต A11 Bionic แบบ Hexa-core (6 แกน) รุ่นใหม่แทน โดยชิปเซตตัวใหม่มีการทำงานที่ไวขึ้นไม่ว่าจะขับเคลื่อนในแบบ 2 แกนหรือ 4 แกน ส่วนจีพียูใน iPhone 8 ก็ทำงาน รันกราฟิกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 30% ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ เพิ่มเติม Bluetooth 5.0 มาให้เรียบร้อย แต่จะแชร์เพลงได้ 2 ลำโพงแบบรุ่นอื่นหรือไม่อันนี้ต้องดูกันต่อไป
กล้องถ่ายภาพและวิดีโอ
กล้อง 12 ล้านพิกเซลของไอโฟนรุ่นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดยิบย่อยพอสมควร ทั้งเซ็นเซอร์รับภาพแบบใหม่ ฟิลเตอร์สีสไตล์ใหม่ แฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวงพร้อมคุณสมบัติ Slow Sync ไปจนถึงการถ่ายวิดีโอ 4k ที่เลือกเฟรมเรตได้มากขึ้น ตั้งแต่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps หรือถ้าใครคิดว่าวิดีโอ 4k ไม่จำเป็นสำหรับคุณ เอาแค่ Full HD ก็พอแล้ว เจ้าไอโฟน 8 ยังเพิ่มการถ่ายวิดีโอ Full HD 1080p ที่มีเฟรมเรตให้เลือกทั้ง 120fps และ 240 fps สำหรับถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่นนั่นเอง ส่วนรูรับแสงยังคงขนาด F/1.8 เท่า ไอโฟนเจ็ด รวมถึงระบบกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล
ชาร์จไฟแบบไวร์เลส
หากคุณต้องการให้ไอโฟนชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายได้ คงต้องเลือก iPhone 8 เสียแล้วล่ะ ด้วยเทคโนโลยี Wireless Charging ร่วมกับตัวเครื่องที่สร้างจากวัสดุกระจกทำให้ง่ายต่อการชาร์จไร้สาย งานนี้ใครที่มีปัญหากับสายชาร์จ อาจต้องพึ่งพาแท่นชาร์จไร้สายแทน
ความจุตัวเครื่องขนาดใหม่และราคาเปิดตัว
สำหรับความจุตัวเครื่องของไอโฟนรุ่นใหม่ มีให้เลือกเพียง 2 แบบเท่านั้น เริ่มต้นที่ความจุน้อยๆ 64GB และความจุจัดเต็ม 256GB แยกขนาดตามการใช้งานอย่างชัดเจน ส่วน iPhone 7 มีให้เลือกทั้งความจุ 32GB และ 128GB ส่วนราคาเปิดตัวของไอโฟนแปด เริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 23,xxx บาท แต่ก็ต้องคาดเดากันต่อไปว่าราคาเริ่มต้นเครื่องศูนย์ในไทยที่เข้ามาจำหน่ายในอนาคตอันใกล้จะเริ่มต้นกันที่เท่าไหร่ โดยราคาไอโฟนเจ็ดในไทยขณะนี้เริ่มต้นที่ 22,500 บาทเท่านั้น
ไอโฟนแปดและไอโฟนแปดพลัสจะเปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน และวางจำหน่ายในประเทศกลุ่มแรกตั้งแต่วันที่ 22 กันยายนเป็นต้นไป