นักวิเคราะห์จากทาง KGI Securities ประเมินว่า iPhone X จะเกิดสภาวะขาดตลาดยาวจนถึงปีหน้า เนื่องจากมีความต้องการจากผู้บริโภคสูง แต่สามารถผลิตออกมาขายได้น้อยกว่าที่ตั้งใจมาก
KGI ได้ประเมินเอาไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมแล้วว่า iPhone จะเปิดตัวรุ่นใหม่พร้อมกันสามรุ่น หนึ่งในนั้นจะใช้หน้าจอ OLED และผลิตได้จำนวนไม่มากนัก โดยคาดว่าภายในไตรมาสที่ 3 (สิ้นสุดกันยายน) จะขายได้ทั้งสิ้น 2 – 4 ล้านเครื่อง และภายในสิ้นปีขายได้ทั้งสิ้น 45 – 50 ล้านเครื่อง
อย่างไรก็ตามตอนนี้มือถือ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว แต่มือถือรุ่นบนสุดอย่าง iPhone X กลับยังไม่เปิดให้จอง โดยจะเริ่มจองกันได้วันที่ 27 ตุลาคม หรืออีกเดือนกว่าๆ และจะเริ่มส่งมอบวันแรกก็ 3 พฤศจิกายนโน่นเลยทีเดียว แปลว่าตัวเลขยอดขายจะถูกบันทึกในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เท่านั้น
Apple ประเมินว่ารายได้ของเดือนนี้จะอยู่ที่ $49,000 – $52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องปกติหลังจากการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ แปลว่า Apple ประเมินยอดขายนี้จาก iPhone 8 และ 8 Plus เท่านั้น
ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้เอง ทาง KGI ได้ลดเลขประเมินส่งมอบ iPhone X จาก 45 – 50 ล้านเครื่อง เหลือเพียง 40 ล้านเครื่องเท่านั้น และจะมีขายไม่พอความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อเริ่มวางจำหน่ายแล้วจะมาทับตลาดของ iPhone 8 และ 8 Plus อย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ทาง KGI ประเมินว่า Apple Watch Series 3 ที่มีความสามารถเชื่อมต่อ 4G LTE ได้ในตัวจะทำให้มันได้รับความนิยมสูงขึ้นมากในกลุ่มนาฬิกาสำหรับออกกำลังกาย High-end อย่างไรก็ตามแม้จะมีฟีเจอร์ใช้รับสายโทรศัพท์ได้ แต่อาจจะมีปัจจัยฉุดรั้งคืออายุการใช้งานต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งนั่นเอง
ที่มา –9to5Mac