หลังจากวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ทางบริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ จำกัด (JASMBB) ที่ชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ซึ่งจัดโดยสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่มาชำระเงินค่าประมูลงวดแรกตามกำหนดครบ 90 วัน ส่งผลให้ทาง กสทช.หารือกับทางอัยการสูงสุด กฤษฎีกา กระทรวงการคลัง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับทาง บริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ จำกัด ที่ไม่สามารถชำระเงินค่าประมูลงวดแรกตามที่กำหนด
และในช่วงบ่ายของวันที่ 22 มีนาคม ทางตลาดหลักทรัพย์ได้ทำการขึ้นเครื่องหมาย H (halt) หลักทรัพย์ของ JAS เพื่อหยุดพักการซื้อขาย เพื่อให้ทาง ชี้แจงผลกระทบของทาง JASMBB ที่เป็นบริษัทย่อย ในกรณีที่ไม่ดำเนินการเพื่อให้ได้ใบอนุญาตมา
และในตอนเย็นวันที่ 22 มีนาคม ทาง JAS ได้ยื่นจดหมายแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการฯ ชี้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ มีเนื้อหาดังนี้
ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 และที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติรับทราบว่า บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด (“แจสโมบาย”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัทฯ และเป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz. มิได้ไปรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz. จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (“สำนักงาน กสทช.”)
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบกำหนดระยะเวลาการขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz. ตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 900 MHz. ลงวันที่ 18 กันยายน 2558 (“ประกาศ กสทช.”) เนื่องจากในวันที่ 21 มีนาคม 2559 แจสโมบายไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 72,000 ล้านบาท มามอบให้แก่สำนักงาน กสทช. ได้ เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศจีน (ซึ่งสนใจร่วมลงทุนในแจสโมบายและได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ของประเทศจีน) ติดข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาในการขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องของประเทศจีน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนเมษายน 2559 ซึ่งไม่ทันกำหนดระยะเวลา 90 วันตามที่ระบุในประกาศ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ก็ไม่สามารถผ่อนปรน หรือผ่อนผันเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาใดๆ ตามที่ระบุไว้ในประกาศ กสทช. ดังกล่าวให้แก่แจสโมบายได้ ทำให้แจส โมบายไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 72,000 ล้านบาท มามอบให้แก่สำนักงาน กสทช. ได้ตามกำหนดเวลา
ในส่วนของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการที่แจสโมบายมิได้ไปขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ในครั้งนี้นั้น ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทได้ให้ความเห็นว่า
- แจสโมบายต้องถูกริบเงินประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาท
- แจสโมบายและกลุ่มบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“กลุ่มบริษัทฯ”) ไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดในค่าเสียหายใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากประกาศ กสทช. ไม่ได้ระบุให้ผู้ชนะการประมูลต้องรับผิดชอบในความเสียหายใดๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากเงินประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาท โดยข้อ 6. วรรคท้ายของประกาศ กสทช. และข้อ 5 วรรค 2 ของแบบ “หนังสือยินยอมของผู้ขอรับใบอนุญาต” แนบท้ายของประกาศ กสทช. ระบุไว้แต่เพียงว่า “ในกรณีที่ผู้ชนะการประมูลไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขก่อนรับใบอนุญาตให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ชนะการประมูลนั้นสละสิทธิที่จะได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ตามประกาศ กสทช. และคณะกรรมการสงวนสิทธิที่จะริบหลักประกันการประมูล”
- และเหตุดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้เป็นเหตุเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมอื่นๆ ที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับจากสำนักงาน กสทช. และใช้ประกอบกิจการอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯยังสามารถดำเนินการได้โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น
อนึ่งจำนวนเงินประกันการประมูลดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานะทางการเงิน เนื่องจากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ แล้ว คิดเป็นเพียงร้อยละ 1.27 เท่านั้น และเงินประกันการประมูลดังกล่าวมาจากทุนชำระแล้วของบริษัท แจสโมบาย และเงินที่บริษัทฯ ให้กู้ยืม ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2559 รวมจำนวน 644 ล้านบาท
ข้อมูลจาก : Set.or.th / Bangkok Biz News