(7 มกราคม 2557 : กรุงเทพฯ) เจมาร์ท กรุ๊ป วางหมากปี 57 รุกหนักธุรกิจมือถือ และในเครือ คาดรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 35% โดยไม่หวั่นปัจจัยภายนอก มั่นใจรายได้ธุรกิจ “เจมาร์ท”ปีนี้ 12,500 ลบ. ส่วนบริษัทในเครือ เจ เอ็ม ที ตั้งเป้ารายได้ 495 ลบ. และ เจ เอเอส แอสเซ็ท คาดรายได้ 470 ลบ. พร้อมเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4/2557
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของเจมาร์ท และบริษัทในเครือปี 2557 จะมุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุกอย่างจริงจัง โดยเฉพาะธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2014 ตลาดรวมโทรศัพท์มือถือจะมีจำนวน 25 ล้านเครื่อง แม้ว่าปัจจัยภายนอกจะเป็นลบ แต่จากการขยายโครงข่าย 3 จีครอบคลุมทั่วประเทศ และโครงข่าย 4 จีของโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ราย จะเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดยังคงเติบโต ดังนั้นเจมาร์ทได้เตรียมการขยายช่องทางต่างๆ ได้แก่ การขยายสาขาเจมาร์ท ช็อป ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพิ่มขึ้นเป็น 300 แห่ง จากปัจจุบันที่มี255 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งเตรียมรีโนเวท ช็อปเดิมกว่า 36 แห่ง ให้มีความทันสมัย ด้วยงบลงทุนราว 252.ลบ.รวมทั้งเตรียมจัดงานเจมาร์ท โมบายโชว์ 2014 เพิ่มขึ้นเป็น12 ครั้ง จากเดิม 7 ครั้ง ด้วยงบประมาณกว่า 85 ลบ.
“จากการขยายตัวไปยังตลาดต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทุกภาค เพื่อเป็นการเข้าถึงผู้บริโภค และการสร้างแบรนด์เจมาร์ทให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปีนี้คาดว่าเจมาร์ทจะมีรายได้กว่า12,500 ล้านบาท หรือเติบโต 40% จากปีที่ผ่านมาปิดรายได้ที่ 9,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขายและคืนกำไรให้กับลูกค้า เจมาร์ทเตรียมแคมเปญพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี อีกด้วย”
เจมาร์ทยังคงพัฒนาด้านคุณภาพการให้บริการ Jaymart Quality Service หรือ JQS ที่มีความเป็นมาตรฐานการให้บริการเดียวกันในทุกสาขาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสำรวจความพึงพอใจ การสุ่มตรวจสอบ การให้บริการในแต่ละสาขา เพื่อนำมาพัฒนาให้คุณภาพการให้บริการดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ในปี 2557 เจมาร์ท ยังได้เน้นการทำ CRM ด้วยบัตร Mobile Plus และ บัตร Enjoy Cardโดยบัตร Mobile Plus เป็นบัตรที่เพิ่มระยะเวลาการรับประกันสินค้า และเพิ่มมูลค่าเมื่อนำเครื่องกลับมาเทิร์นสูงกว่าราคากลาง 600 บาท ส่วนบัตร Enjoy Card เป็นบัตรสะสมแต้ม ที่สามารถนำแต้มมาใช้เป็นส่วนลดเงินสดได้
ด้าน นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพระดับ แนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันที่มีอยู่ 3 หมื่นล้านบาท จากการรุกธุรกิจลุยซื้อหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จาก ไทยพาณิชย์ลิสซิ่ง ตุนเข้าพอร์ตเพิ่มอีก 279 ล้านบาท และในปีนี้เตรียมที่จะซื้อหนี้สิ้นเพิ่มในปีนี้อีก 1.3 หมื่นล้านบาท จากชี้อัตราผลตอบแทนจากการซื้อหนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับการซื้อหนี้ ในครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งเตรียมขยายธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลใน IT Junction และธุรกิจนายหน้าประกันภัยโดยคาดว่ากำไรจะเติบโต 80% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม จากความชำนาญเชี่ยวชาญในธุรกิจ รวมทั้งความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากรและ เงินลงทุน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้บริษัท สามารถซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัทจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
นงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก.เจเอเอส แอสเซ็ท ผู้ให้บริการพื้นที่ ค้าปลีก ไอทีจังชั่น ศูนย์รวมร้านค้าจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งปัจจุบันมีสาขาจำนวน 42 สาขา มีพื้นที่บริหารกว่า 13,000 ตร.ม. และมีร้านค้าเช่ากว่า 1,400 ร้านค้า โดยในปี2557 นี้ จะเพิ่มจำนวนเป็น 62 สาขา คาดว่าจะมีรายได้กว่า 470 ล้านบาท และภายใน 3 ปี จะมีสาขารวมกว่า 100 สาขา และมีรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปีนี้ทางบริษัทได้ขยายธุรกิจใหม่ เปิดตัวโครงการ “The JAS” ศูนย์การค้าชุมชน(Neighbourhood Lifestyle mall) ที่รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเตรียมเปิดโครงการ “The JAS” ใน 2 สาขา ได้แก่ วังหิน และลาดปลาเค้า จะเริ่มเปิดให้บริการสาขาวังหิน เป็นสาขาแรกภายในสิ้นปี 2557 และกลางปี 2558 จะเปิดสาขาลาดปลาเค้าต่อไป คาดว่าจะใช้งบลงทุน 2 สาขา รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทฯ มีแผนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงปลายปี 2557
“จากแผนธุรกิจของทั้ง 3 บริษัทในปีนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ภาพรวมทั้งเครือเจมาร์ทมีรายได้กว่า 10,000 ล้านบาท” อดิศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
>