Microsoft เปิดตัว Surface Pro X โดยยกจุดเด่นที่การใช้ชิปประมวลผลสาย ARM แทนที่จะเป็น Intel X86 หลังจากที่เคยใช้ Nvidia Tegra เมื่อปี 2013 แล้วแป้กไป
ตอนสมัย Windows 8 ทาง Microsoft เคยพยายามดัน Windows RT ให้แจ้งเกิด แต่เนื่องจากข้อจำกัดจำนวนมาก (ไม่สามารถรันแอพเก่าๆ ได้) ทำให้ระบบปฏิบัติการ และโน้ตบุคที่ใช้ชิป ARM หายไปจากวงการ แต่คราวนี้ Microsoft กลับมาใหม่พร้อมสเปคที่ดีกว่าเดิม แรง และพึ่งพาได้จริง และสามารถรันแอพที่เขียนขึ้นสำหรับ Intel X86 ได้
Surface Pro X นี้มีหน้าจอขนาด 13 นิ้ว (ความละเอียด 2880 x 1920 พิกเซล สัดส่วนหน้าจอ 3:2 เท่าเดิม) จัดเป็นหนึ่งในโน้ตบุคประเภท 2-in-1 ที่มีขอบจอบางที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ โดยใช้ชิปประมวลผล Surface SQ1 (เป็นผลงานพัฒนาร่วมกันระหว่าง Microsoft และ Qualcomm) และชิปกราฟฟิค Adreno 685 ส่วนหน่วยความจำนั้นจะเป็น LPDDR4X มีให้เลือก 8 หรือ 16GB ข่าวดีคือพื้นที่เก็บข้อมูลเป็น SSD (มีให้เลือก 128 / 256 / 512GB) สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองในกรณีที่พัง หรือมีปัญหา
Microsoft ไม่ยอมนำประสิทธิภาพของ SQ1 มาแข่งกับ Intel X86 ตรงๆ (เนื่องจากว่าก็ยังไม่แรงเพียงพอจะไปแข่ง) แต่ใช้วิธีบอกว่าด้วยพลังงานที่ใช้นั้นจะได้งานมากกว่าชิป Intel ถึงสามเท่า โดยตัว SQ1 นั้นใช้พลังงานสูงสุดที่ 7 วัตต์ และตอนที่ไม่ได้ใช้บริโภคพลังงานเพียง 2 วัตต์เท่านั้น (แปลว่าประสิทธิภาพสูงสุดจะเทียบเท่ากับ Intel ยามที่ใช้พลังงานเพียง 21 วัตต์ ซึ่งถือว่าไม่เยอะเท่าไหร่นัก)
ภาพรวมตัวเครื่องจะมี USB Type C สองพอร์ต, ช่อง Surface Connect และจุดใส่ซิม Nano SIM สำหรับต่ออินเตอร์เน็ท ไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มม ให้ใช้งาน ฟังดูเหมือนกับมือถือสมัยใหม่ในปัจจุบันพอสมควร ข่าวดีก็คืออายุการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งอยู่ที่ 13 ชั่วโมง และชาร์จไฟ Quick Charge จาก 0% ไปเป็น 80% ได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ตามขอบตัวเครื่องจะมีความโค้งมน แตกต่างจาก Surface ตัวอื่นๆ ที่ขอบคมเป็นเหลี่ยม น้ำหนักเพียง 0.76 กิโลกรัมเท่านั้น และหนาเพียง 5.3 มม ถือเป็น Surface รุ่นที่บางที่สุดในตอนนี้ด้วย
ในสหรัฐอเมริกา Surface Pro X เปิดให้จองแล้ววันนี้ เริ่มขายจริงวันที่ 5 พฤศจิกายนด้วยราคา $999 ดอลลาร์สหรัฐ
