HMD Global จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกรุงมอสโคว ประเทศรัสเซียคืนที่ผ่านมา โดยมือถือรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในงานมีด้วยกันสามรุ่น ได้แก่ Nokia 2, Nokia 3 และ Nokia 5 ที่หน้าจอใหญ่ขึ้น สเปคดีขึ้น และแบตเตอรีมากขึ้นกว่าเดิม
Nokia 2.1
The new Nokia 2 หรือที่ถูกเรียกกันว่า Nokia 2.1 นั้นเป็นรุ่นอัพเกรดที่เก็บข้อดีมาจากรุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ถูก แบตเตอรีที่ใหญ่ใช้ได้สองวัน และกินสเปคต่ำ สเปคคร่าวๆ ของ Nokia 2.1 มีดังนี้
- หน้าจอ: 5.5 นิ้ว (1280 x 720 พิกเซล)
- หน่วยประมวลผล: Snapdragon 425
- แรม: 1GB
- พื้นที่ภายในเครื่อง: 8GB (รองรับ MicroSD สูงสุดที่ 128GB)
- กล้องหลัง: 8 Megapixel
- กล้องหน้า: 5 Megapixel
- แบตเตอรี: 4,000 mAh
- ระบบปฏิบัติการ: Android 8.1 (Go Edition)
เทรนด์ตลาดโลกในปัจจุบันนิยมมือถือจอใหญ่ แม้จะเป็นตลาดระดับล่างที่เน้นราคาถูกก็ตาม ทำให้ HMD Global ตัดสินใจเพิ่มขนาดหน้าจอของ Nokia 2 ตัวใหม่ให้ใหญ่ขึ้นอีก 20% กลายเป็นหน้าจอ 5.5 นิ้วแทน (ความละเอียดยังคงเป็น 1280 x 720 อยู่เหมือนเดิม) และลำโพงกลายเป็นสเตอริโอ กล้องและสเปคที่เหลือยังคงเหมือนเดิม โดยถือว่าค่อนข้างต่ำและถ้าไม่ได้รัน Android Go ก็คงจะใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆ ไม่ไหวเช่นกัน
จุดเด่นนอกจากราคาที่ถูก สเปคที่ต่ำ ก็เห็นจะเป็นเรื่องแบตเตอรี เพราะ The new Nokia 2 นี้มีแบตเตอรีใหญ่เหมือนเดิมที่ 4,000 mAh โดยทาง HMD Global โฆษณาเอาไว้ว่าสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องชาร์จถึงสองวันด้วยกัน
อีกจุดที่พัฒนาและน่ายินดีก็คือหน่วยประมวลผลอัพเกรดจาก Snapdragon 200 กลายเป็น Snapdragon 400-series ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ
Nokia 2.1 จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่กรกฏาคมนี้เป็นต้นไปที่ราคา $115 ดอลลาร์สหรัฐ มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี เป็นดูโอ้โทนทั้งหมดได้แก่ Blue/Copper, Blue/Silver และ Silver/Grey คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศที่เน้นราคาถูกอย่างอินเดียเป็นที่แรกๆ
Nokia 3.1
รุ่นพี่ถัดมาก็คือ Nokia 3 ได้รับอัพเกรดด้วยเช่นกัน คราวนี้ขอบบอดี้ด้านข้างเปลี่ยนเป็นโลหะแล้ว แต่ฝาหลังยังคงเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเหมือนเดิม จอด้านข้างสันขอบโค้งแบบ 2.5D และใช้กระจก Gorilla Glass ทำให้ภาพลักษณ์ดูดีขึ้นกว่ามือถือสำหรับตลาดล่างเมื่อปีที่แล้วมาก แยกย่อยสองรุ่นด้วยกัน ได้แก่รุ่น RAM 2GB และ RAM 3GB ภาพรวมสเปคดีกว่ารุ่นปีที่แล้วราวๆ 30%
- หน้าจอ: 5.2 นิ้ว (1440 x 720 พิกเซล)
- หน่วยประมวลผล: MediaTek 6750
- แรม: 2 / 3 GB
- พื้นที่ภายในเครื่อง: 16 / 32 GB (รองรับ MicroSD สูงสุดที่ 128GB)
- กล้องหลัง: 13 Megapixel
- กล้องหน้า: 8 Megapixel
- แบตเตอรี: 2,990 mAh
- ระบบปฏิบัติการ: Android 8.0 Oreo
The new Nokia 3 หรือ Nokia 3.1 ปีนี้ได้รับการอัพเกรดทั้งสเปค และหน้าตาภายนอกให้ดูดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควร โดยแบตเตอรีเพิ่มขนาดเล็กน้อยมาเป็น 2,990 mAh และหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภค ตัวเครื่องดูยาวขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากเปลี่ยนมาใช้อัตราส่วน 18:9 แทนที่จะเป็น 16:9 เหมือนเดิม กล้องหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่แล้ว ส่วนกล้องหลังเพิ่มความละเอียดอีกเล็กน้อย
Nokia 3.1 ก็เหมือนกับ Nokia 2.1 คือยังคงใช้พอร์ตแบบเก่าอย่าง MicroUSB อยู่ เริ่มวางจำหน่ายเดือนมิถุนายน มีให้เลือกด้วยกันสี่สีเช่นกัน ได้แก่ Blue, Copper/Black, Chrome/White และ Iron แบ่งราคาตามขนาดแรมดังนี้
- RAM 2GB ความจุ 16GB €139 ยูโร
- RAM 3GB ความจุ 32GB €169 ยูโร
Nokia 5.1
Nokia 5.1 ได้รับการออกแบบหน้าตาใหม่ให้ก้าวไปอีกขั้น บอดี้ปีนี้เปลี่ยนเป็นโลหะทั้งตัว (ใช้อลูมิเนียม 6000 แบบ Unibody) เน้นดีไซน์แบบมินิมัลให้ดูเรียบเนียน และมีตัวอ่านลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง
- หน้าจอ: 5.5 นิ้ว (2160 x 1080)
- หน่วยประมวลผล: MediaTek Helio P18
- แรม: 2 / 3 GB
- พื้นที่ภายในเครื่อง: 16 / 32 GB (รองรับ MicroSD สูงสุดที่ 128GB)
- กล้องหลัง: 16 Megapixel
- กล้องหน้า: 8 Megapixel
- แบตเตอรี: 2,970 mAh
- ระบบปฏิบัติการ: Android Oreo
น่าแปลกใจที่ปีนี้ HMD Global ให้ Nokia 5 หันมาใช้ MediaTek แทน (รุ่นปีที่แล้วใช้ Snapdragon 430) และมีแยกย่อยสองรุ่นตามขนาดของแรม อย่างไรก็ตามคาดว่าประสิทธิภาพนั้นดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าราวๆ 40% และหน้าจอที่อัพเกรดขึ้นมาก จากเดิมที่เป็น 5.2 นิ้วแบบ HD (1280 x 720) กลายเป็น 5.5 นิ้วแบบ FHD+ (2160 x 1080) ตัวเครื่องดูยาวขึ้นเช่นกันเนื่องจากเปลี่ยนมาใช้อัตราส่วน 18:9
กล้องหลังได้รับการอัพเกรดเล็กน้อยกลายเป็น 16 Megapixel และกล้องหน้ายังคงเหมือนเดิม
Nokia 5.1 จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนกรกฏาคมเป็นต้นไป มีให้เลือกสามสี ไม่มีทริมสีเหมือนอีกสองรุ่น ได้แก่ Copper, Tempered Blue และ Black
- RAM 2GB ความจุ 16GB €189 ยูโร
- RAM 3GB ความจุ 32GB €219 ยูโร
ทาง HMD Global และ Google ระบุว่า Nokia 3.1 และ Nokia 5.1 รุ่นที่เป็น RAM 3GB ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมที่จะใช้งาน Android Enterprise ในองค์กรเรียบร้อยแล้ว และมือถือทุกรุ่นจะมีทั้งรุ่น 1-SIM และ 2-SIM ขายแล้วแต่ประเทศ
ที่มา – Android Police, Phone Arena