ในวันที่ 17 ตีหนึ่งครึ่งเวลาไทย HMD Global ได้เปิดตัว Nokia 8 สมาร์ทโฟนเรือธงแอนดรอยด์ตัวแรกของ Nokia เรียบร้อยแล้วนะครับ เท่าที่เห็นนั้นหลายๆส่วนในสเปคนั้นเป็นไปตามข้อมูลที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ แถมเพิ่มฟีเจอร์เด็ดๆเข้ามาอีกด้วยล่ะครับ
Nokia 8 มาพร้อมดีไซน์สุดเรียบหรู วัสดุสุดพรีเมียม
ตัวเครื่องที่มีรูปลักษณ์เรียบๆ โค้งมนตามสมัย(คล้ายๆ Nokia 5) แน่นอนว่าวัสดุก็สุดแกร่งด้วยอลูมิเนียมแบบยูนิบอดี้ แถมการันตีด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 ซึ่งกันน้ำกระเซ็นได้รองทิศทาง แต่เอาไปจุ่มน้ำไม่ได้นะ ระวังกันด้วย
หน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด QHD พร้อมโหมด Always-On
ขนาดหน้าจอนั้นอาจจะไม่ใหญ่มาก เอาใจคนไม่ชอบพกเครื่องจอใหญ่ แถมหน้าจอยังให้ความสว่างสูงสุดถึง 700 nits! บอกเลยว่าสว่างสู้ท้าแสงแดดได้ดีสุดๆ มาพร้อมฟีเจอร์ในตำนานอย่าง Always-On ที่บอกความเคลื่อนไหวโดยไม่ต้องปลดล็อคเครื่อง (ใครที่เคยใช้ Nokia มาก่อนคงรู้กันอย่างดี) และหน้าจอยังครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 แบบ 2.5D
สเปคกล้องจัดเต็มทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังด้วยเลนส์จาก ZEISS พร้อมฟีเจอร์ Dual-Sight M0de
ตัวเลนส์ของกล้องในรุ่นนี้จะเป็นที่เลื่องลือในวงการกล้องสมาร์ทโฟนอีกครั้งด้วยการร่วมมือกับคู่หูเก่าสุดเก๋าอย่าง ZEISS โดยผลิตเลนส์ให้ ซึ่งใช้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยทีเดียว กล้องหลังจะเป็นกล้องคู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 แบ่งเป็นเซ็นเซอร์ถ่ายสีและถ่ายขาวดำ ทำให้ถ่ายภาพออกมาดูมีมิติมากขึ้น และมาพร้อมระบบกันสั่น OIS
ตัวกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เช่นเดียวกัน ไม่มีแฟลชกล้องหน้านะ แต่มีโหมดหน้าจอเป็นไฟแฟลชมาให้
แถมมีโหมดใหม่มาด้วยโหมด Dual-Sight mode ที่สามารถทำให้ใช้งานกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกันทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอ พร้อมเอาใจสายโซเชียลด้วยโหมด Facebook Live และ YouTube Live ที่มีมาให้ในแอปกล้องเลยล่ะ ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดถึง 4K เลย
ระบบเสียงก็จัดเต็มเหมือนกับยกระบบเสียงจากฮอลลีวูดมาอยู่ในมือคุณ
เป็นครั้งแรกของโลกเลยทีเดียวที่มีการยกระดับการอัดเสียง 360° รองทิศทางมาใช้ ด้วยฟีเจอร์เสียงของโนเกีย Nokia OZO ที่ทำให้อัดเสียงมีความแม่นยำมากขึ้น เก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น พร้อมกับลดเสียงรบกวนลง อยากรู้เสียงเป็นอย่างไรลองฟังดูในคลิปนี้เลยครับ
ด้านสเปคอื่นๆ ก็สมกับเป็นเรือธงเช่นเดียวกัน
ระดับเรือธง แน่นอนว่านอกจากปีเจอร์เด่นๆแล้ว สเปคด้านอื่นๆก็มาเต็มเลยครับ ด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 835 RAM ขนาด 4 GB (LPDDR4X) ขนาดหน่วยความจำภายใน 64 GB UFS 2.1 (ใส่ microSD เพิ่มได้สูงสุด 256 GB) และยังมีรุ่นพิเศษที่ให้ RAM ถึง 6 GB หน่วยความจำภายใน 128 GB ซึ่งมีเฉพาะสี Polished Blue เท่านั้น
รองรับ 3G/4G, NFC , Bluetooth 5.0, สแกนลายนิ้วมือ และพอร์ต USB Type-C (USB 3.1 Gen 1 ความเร็วสูงสุด 5 Gbps) ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 3,090 mAh
มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.1.1 (Nougat) และการันตีอัพเดตแอนดรอยด์ 8 ส่วนหน้าตาจะเป็นแอนดรอย์เดิมๆเพียวๆตามคอนเซปต์ที่ตั้งไว้
Nokia 8 จะมีจำหน่ายทั้งหมด 4 สี Polished Blue(RAM 6 GB, ROM 128GB), Tempered Blue, Steel, Polished Copper เริ่มปล่อยลงตลาดในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ ราคาเปิดตัวที่ 599 ยูโร (ประมาณ 23,500 บาท) สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยคลิกที่นี่
รายละเอียดสเปคอย่างเป็นทางการของ Nokia 8
- ขนาด 151.5 x 73.7 x 7.9 มม.
- สี Polished Blue, Tempered Blue, Steel, Polished Copper
- จอแสดงผล 5.3 นิ้ว IPS ความละเอียด QHD (2560 x 1440 พิกเซล) ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 แบบ 2.5D
- รองรับสองซิมการ์ดแบบนาโน (สล็อตใส่แบบไฮบริด)
- แบตเตอรี่ขนาด 3,090 mAh, non-removable
- มาตรฐานกันน้ำกระเซ็นและกันฝุ่น IP54
- รองรับ 4G LTE Cat. 9, 3CA, 450Mbps DL/50Mbps UL
- รองรับ Wifi 802.11 a/b/g/n/ac (MIMO), BlueTooth 5.0, GPS/AGPS+GLONASS+BDS, NFC (sharing) ANT+
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.1.1 Nougat
- ชิปประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 835 Mobile Platform, Octa core, (Quad-core 2.5 GHz Qualcomm® Kryo™ CPU + Quad-core 1.8 GHz Kryo)
- RAM 4 GB LPPDDR4X (รุ่นพิเศษ 6 GB สี Polished Blue)
- หน่วยความจำภายใน 64 GB UFS2.1 (รุ่นพิเศษ 128 GB สี Polished Blue) รองรับ microSD สูงสุด 256 GB
- ไมค์รับเสียง 3 ตัวพร้อมระบบอัดเสียง OZO
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (ถ่ายสี + กันสั่น OIS) + 13 ล้านพิกเซล (ขาวดำ) รูรับแสง f/2.0 มุมกว้าง 76.9˚ รองรับ PDAF, IR range finder และแฟลชแบบทูโทน
- กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 มุมกว้าง 78.4˚ รองรับ PDAF, Display flash
- พอร์ต USB Type C, USB 3.1 Gen 1 (5 Gbps)
- เซ็นเซอร์ Ambient light, Proximity, Accelerometer, E-compass, Gyroscope, Fingerprint, Hall sensor, Barometer
ที่มา : Nokiamob, Nokia Official