ถ้าใครติดตามชมงานเปิดตัวสินค้าของ Apple ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คงจะจับแนวทางได้ว่าบริษัทมักจะอวดตัวเลขความสำเร็จของสินค้าก่อนราวๆ เกือบชั่วโมง แล้วค่อยเปิดตัวสินค้าดาวเด่นประจำวันนั้นหลังจากอวดตัวเลขเสร็จ (อีกนัยหนึ่ง มันทำให้จับทางได้ด้วยว่าสินค้าไหนขายไม่ดี มักจะไม่ออกมาอวดตัวเลข) และในคืนที่ผ่านมาท่ามกลางงานเปิดตัวแอปเปิลก็ยังอวดตัวเลขเยอะๆ เช่นเดิม ว่าแต่แอปเปิลเขาอวดตัวเลขอะไรกันบ้างนะ
(เนื่องจากถ้าไล่ตัวเลขจากน้อยไปมากอาจจะเกิดการสลับไปมา จึงขอไล่ตามลำดับที่ Apple อวดบนเวทีครับ)
- ตัวเลขแรกที่แอปเปิลอวดตั้งแต่สามนาทีแรกก็คือจำนวนผู้ใช้งาน Apple Music แบบจ่ายเงินรายเดือน ซึ่งมีสูงมากถึง 17 ล้านรายติด Top 3 ของวงการไปเรียบร้อยแล้ว
- ตัวเลขถัดมามากมายมหาศาลมาก (อาจจะเป็นตัวเลขที่เยอะที่สุดในงานแล้ว) คือยอดดาวน์โหลดบน App Store นับตั้งแต่เปิดตัวใน iPhone Firmware ครั้งแรก คือ 140,000 ล้านครั้ง
- 500,000 คือจำนวนเกมส์บน App Store ถึงจะมีเกมส์ประหลาดๆ และก๊อปปี้กันไปๆ มาๆ เยอะ แต่คงจะเป็นแพลตฟอร์มขายเกมส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว
โครงการเพื่อการศึกษา Apple’s ConnectED Program
- มีคุณครูเข้าร่วมโครงการกว่า 4,500 คน
- เด็กนักเรียนอีก 50,000 คน
- iPad อีกนับพันเครื่อง (ไม่ได้ระบุตัวเลขที่แน่ชัดเอาไว้)
Apple Watch ก็นำมาอวดเช่นกันหลังจากขายมาปีกว่า
- 1 คืออันดับในวงการนาฬิกาอัจฉริยะ
- 2 คืออันดับในวงการนาฬิกา ตามหลังแค่ Rolex เท่านั้น
- 3 คือเวอร์ชันระบบปฏิบัติการนาฬิกาที่พูดถึงอีกครั้งคืนนี้ (watchOS 3)
- Apple Watch รุ่นที่ 2 จะใช้ชื่อเรียกว่า Apple Watch Series 2 คราวนี้กันน้ำมากขึ้น ใส่ว่ายน้ำได้
- 50 เมตร คือระยะความลึกมากที่สุดที่จะใส่ Apple Watch ลงไปได้
- 50% คือประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในหน่วยประมวลผลใหม่ในนาฬิกา
- 200% คือประสิทธิภาพที่ดีขึ้นของหน่วยประมวลผลกราฟฟิคใหม่
- 1,000 Nits คือความสว่างในจอใหม่ (มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 2 เท่า)
- Apple Watch Series 2 จะเริ่มต้นราคาที่ $369
- Apple Watch Series 1 ราคาเริ่มต้น $269 (มันคือรุ่นแรกที่เพิ่มหน่วยประมวลผลเป็น Dual-Core)
- กำหนดวางจำหน่าย 16 กันยายน
- 7 คือเลขของ iPhone ปีนี้ (แน่ล่ะ!!)
- ตัวเลขต่อมาคือ 67 เป็นมาตรฐานที่คุ้นเคยกัน IP67 นั่นเอง แปลว่า iPhone 7 จะกันน้ำกันฝุ่นได้แล้วด้วย
กล้อง
- 6 คือจำนวนชิ้นส่วนเลนส์ในกล้อง iPhone 7
- เร็วขึ้น 60%
- แฟลชสว่างขึ้น 60%
- Schiller บอกว่ากระบวนการถ่ายรูปมีการประมวลผลนับแสนล้านฟังก์ชัน ในทุกๆ ครั้งที่เราลั่นชัตเตอร์ถ่ายภาพ
- กล้องหน้า 7 Megapixel (เพิ่มจากเดิม 5 Megapixel)
- กล้องหลัง 12 Megapixel
- iPhone 7 Plus จะมีกล้อง 2 ตัว ขนาด 12 Megapixel ทั้งคู่
- สามารถซูม Optical ภาพไม่แตกได้ 2 เท่า
- สามารถซูม Digital (ภาพแตก) ได้ 5 เท่า รวมแล้วสูงสุด 10 เท่า
- ระบุไม่ได้ คือช่วงเวลาที่ผู้ซื้อ iPhone 7 Plus ไปต้องรออัพเดทฟีเจอร์กล้องเพิ่มเติมหลังจากซื้อเครื่อง เนื่องจาก Apple ยังทำไม่เสร็จบางฟีเจอร์
หน้าจอ
- สว่างกว่าเดิม 25%
- ยังคงมี 3D Touch
ระบบเสียง
- 2 คือจำนวนลำโพงบนตัวเครื่อง
- 0 คือจำนวนพอร์ตหูฟัง 3.5 มม
- 1 คือจำนวนสายแปลง Lightning-3.5mm ที่แถมมาให้ในกล่อง
- 2 คือจำนวนข้าง AirPods ที่ขายเป็นชุด เป็นหูฟังไร้สาย
- 5 คือจำนวนชั่วโมงที่ AirPods ใช้ได้ต่อเนื่องต่อการชาร์จเต็ม 100% หนึ่งครั้ง
- 24 ชั่วโมง คือระยะเวลาสูงสุดที่ AirPods จะเล่นได้ถ้าชาร์จไฟจากกล่องบรรจุ
- W1 อาจจะไม่ใช่ตัวเลขเพียวๆ มันคือชิปประมวลผลเสียงที่อยู๋ในหูฟังไร้สาย
- นอกจากนี้ยังแอบเปิดตัวหูฟัง Beats อีก 2 รุ่นด้วย ได้แก่ Beats Solo 3 และ BeatsX
การประมวลผล
- A10 คือชื่อชิปปีนี้ (ไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากทุกปีเลขก็เพิ่มมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว) แต่ชื่อเต็มคือ A10 Fusion
- 3,300 ล้านคือจำนวนทรานซิสเตอร์ในชิป A10 Fushion
- 2 เป็นทั้งจำนวนคลัสเตอร์ และจำนวนคอร์ต่อคลัสเตอร์ พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือมี 2 คอร์สำหรับทำงานหนัก และ 2 คอร์สำหรับทำงานเบาๆ
- A10 Fushion แรงกว่า Apple A9 40%
- A10 Fushion แรงกว่า Apple A8 200%
- 2 คอร์สำหรับประมวลผลเบาๆ ใช้ไฟต่ำมาก เพียง 1/5 ของพลังทั้งหมด
- รุ่นใหม่ไฉไลกว่าเดิม ชิปประมวลผลกราฟฟิคใน A10 Fushion ดีกว่าชิปใน iPhone รุ่นแรก 240 เท่า
ตัวเลขที่คนอยากรู้ที่สุด แบตเตอรีอยู่ได้นานแค่ไหน
- ฟังเพลงไร้สาย: 7 – 40 ชั่วโมง / 7 Plus – 60 ชั่วโมง
- ดูวิดิโอและใช้หูฟังไร้สาย: 7 – 13 ชั่วโมง / 7 Plus – 14 ชั่วโมง
- เล่นเน็ทผ่านไวไฟ: 7 – 14 ชั่วโมง / 7 Plus – 15 ชั่วโมง
- เล่นเน็ทผ่าน LTE: 7 – 12 ชั่วโมง / 7 Plus – 13 ชั่วโมง
- เล่นเน็ทผ่าน 3G: 7 – 12 ชั่วโมง / 7 Plus – 13 ชั่วโมง
- คุยโทรศัพท์ผ่าน 3G: 7 – 14 ชั่วโมง / 7 Plus – 21 ชั่วโมง
- รุ่นต่ำสุดของ iPhone 7 คือ 32GB และกระโดดไปที่ 128GB, 256GB
- ราคาเริ่มต้น $649 ดอลลาร์สหรัฐแบบไม่ติดสัญญา และยังไม่รวมภาษีอีกด้วย
- รุ่นต่ำสุดของ iPhone 7 Plus ก็เป็น 32GB เช่นกัน (และรุ่นถัดไปคือ 128GB, 256GB) ราคาเริ่มต้นปวดใจที่ $769 ดอลลาร์สหรัฐ แบบไม่ติดสัญญา และไม่รวมภาษี
- เปิดให้จองในกลุ่มแรก 28 ประเทศ 9 กันยายนนี้ เริ่มวางขาย 16 กันยา และคาดว่าอาทิตย์ถัดไปจะขายเพิ่มอีก 30 ประเทศ
- iPhone ที่แตกต่างกันในปัจจุบันมีทั้งหมด 5 รุ่นที่ยังวางจำหน่าย (iPhone SE, iPhone 6s, iPhone 6s Plus, iPhone 7, iPhone 7 Plus)
- พูดถึงซอฟท์แวร์กันบ้าง iOS 10 ตัวเต็มจะปล่อยให้อัพเดท 13 กันยายนนี้
- และสุดท้าย AirPods ไม่มีแถมในกล่อง ขายแยกราคา $159
ที่มา – Engadget