PICO ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ที่เปี่ยมศักยภาพในด้านนวัตกรรม เตรียมรุกตลาดในประเทศไทยด้วยการเปิดตัว PICO 4 ชุดอุปกรณ์ VR แบบ All-in-One รุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงในรูปแบบ VR และความบันเทิงด้านไลฟ์สไตล์ระดับคุณภาพในราคาที่ร้อนแรง แต่ยังครบครันด้วยภาพที่คมชัด ความสะดวกสบายในการสวมใส่ที่เหนือกว่า รวมถึงระบบการควบคุมที่แม่นยำและเข้าใจง่าย เพื่อความบันเทิงสำหรับทุกเพศทุกวัย จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
PICO 4 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่บางเบา ออกแบบมาให้สวมใส่ได้สบาย พร้อมรองรับทุกการเคลื่อนไหว ทั้งในเกมและแอปฯ ออกกำลังกายมากมาย ด้วยน้ำหนักเพียง 295 กรัม จึงเป็นแว่น VR ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดของ PICO แต่ยังคงให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมด้วยภาพคมชัดระดับ 4K+ จากหน้าจอขนาด 2.56 นิ้ว ความละเอียด 2160×2160 สองจอ รองรับอัตรารีเฟรชภาพสูงสุดถึง 90Hz ส่วนแบตเตอรี่ที่ติดตั้งไว้ด้านหลังศีรษะก็ช่วยให้อุปกรณ์ทั้งชุดมีความสมดุลและสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ เลนส์แบบแพนเค้กทิ่ติดตั้งมาด้านหน้าให้มุมมองภาพที่กว้างถึง 105 องศา ทั้งยังรองรับการปรับค่าระยะห่างระหว่างม่านตา (IPD) แบบละเอียดด้วยระบบมอเตอร์ เพื่อให้ผู้เล่นแต่ละคนใช้งานได้สบายตาที่สุด
คอนโทรลเลอร์คู่แบบ 6DoF สามารถจับความเคลื่อนไหวรอบทิศทางทั้ง 6 แกนด้วยเซ็นเซอร์ที่แม่นยำ และรองรับการตอบสนองด้วยแรงสั่น (haptic feedback) จึงทำให้การควบคุมแอปและเกมต่างๆ เป็นเรื่องง่าย ส่วนระบบจำลองเสียงรอบทิศทางแบบ 3 มิติและลำโพงเซอร์ราวด์ที่ติดตั้งมาในตัวก็ช่วยเสริมความสมจริงให้กับทุกประสบการณ์ VR ขณะที่ชิปเซ็ตระดับเรือธงอย่าง Qualcomm Snapdragon XR2 และหน่วยความจำ 8GB พร้อมมอบสมรรถนะที่ทำให้เกมและแอปต่างๆ ทำงานได้ราบรื่น ไม่มีสะดุด
นาย อัลเลน อัน ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ PICO เผยว่า “PICO มุ่งมั่นที่จะวางรากฐานแห่งอนาคตของชีวิตในโลกดิจิทัลด้วยนวัตกรรมที่ถือเป็นคลื่นลูกใหม่อย่าง VR และชุดอุปกรณ์ PICO 4 นี้ก็นับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์แว่น VR ที่ล้ำหน้าที่สุด สวมใส่ได้สบายที่สุด และเข้าถึงได้ง่ายที่สุดสำหรับผู้บริโภคชาวไทย เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดในโลกเสมือนจริง การเปิดตัวในประเทศไทยของเราในครั้งนี้ จะเปิดตลาด VR ในไทยให้แก่ทั้งผู้บริโภค นักพัฒนา และผู้สร้างคอนเทนท์อย่างกว้างขวางกว่าที่เคย และเราหวังว่าจะได้ร่วมกันสร้างอีโคซิสเต็ม VR ที่แข็งแกร่งและมีสีสันในประเทศไทยต่อไป”
“ลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของจะได้สนุกไปกับสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่หลากหลายจากคอนเทนท์กว่า 250 รายการที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการเล่นเกม ออกกำลังกาย ชมวิดีโอแบบเสมือนจริง และการเปิดโลกโซเชียลผ่าน VR โดยในจำนวนนี้ ยังรวมถึงคอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่หาชมที่ไหนไม่ได้ จากศิลปินระดับโลกอย่าง Megan Thee Stallion, (G)I-DLE, AKB48 หรือ Calvin Harris นอกจากนี้ ลูกค้าชาวไทยยังสามารถสัมผัสคอนเทนท์ทั้งหมดนี้ได้อย่างมั่นใจผ่านความร่วมมือของ PICO และ แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น ที่จะเป็นพันธมิตรผู้ให้บริการลูกค้าในประเทศไทยของเราอย่างเป็นทางการ” นายอัลเลนกล่าวเสริม
PICO 4 จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ผ่านหน้าร้านอย่างเป็นทางการของ PICO บนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้ง Lazada และ Shopee และทางหน้าร้าน BaNANA IT, TG, Dimi, DotLife, NSmart, Com7, Lake COM, Jaymart และ Nava Asia นอกจากนี้ ทุกคนยังสามารถทดลองใช้งาน VR ได้ที่บูธของ PICO ซึ่งจะเปิดให้สัมผัสกันที่เซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 4) และเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต (ชั้น 2) ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไปเช่นกัน ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเลือกเป็นเจ้าของได้ในสองรุ่น ได้แก่รุ่นความจุ 128GB ราคา 13,990 บาท และความจุ 256GB ที่ราคา 15,990 บาท ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเกมและแอปต่างๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชันชื่อว่า PICO VR บนสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่านทั้ง App Store และ Google Play Store
นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้อในระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม ถึง 8 มิถุนายนนี้ ยังจะได้รับของแถมพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพิ่มเติมดังนี้
- ชุด Starter Pack กับสามเกมฟรีอย่าง Wands Alliance, All-in-One Sports VR และ SUPERHOT VR
- เกมฟรีเพิ่มอีก 3 เกม ได้แก่ A Fisherman’s Tale, Arizona Sunshine และ Cities VR
- ชุดอุปกรณ์เสริม มูลค่า 1,000 บาท (กระเป๋าใส่แว่น VR, ฟิล์มกันรอย และเคส)
ส่วนลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อ PICO4 รุ่น 128GB ภายในวันที่ 27 พฤษภาคม จะได้รับข้อเสนอที่พิเศษยิ่งกว่า กับสิทธิในการแลกซื้อ PICO4 รุ่น 128GB อีกหนึ่งชุดที่ครึ่งราคา หรือ 6,995 บาทเท่านั้น
ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.picoxr.com/th หรือทาง Facebook, Instagram และ TikTok