AIS ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเครือข่ายและเทคโนโลยีดิจิทัลอันดับ 1 เพื่อคนไทย ประกาศความภาคภูมิใจ คว้ารางวัลเครือข่ายมือถือที่เร็วที่สุดในไทย (Thailand’s Fastest Mobile Network) เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2558 – 2561 พร้อมครองอันดับเครือข่ายมือถือที่เร็วที่สุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการใช้งานเน็ตหนาแน่นที่สุด การันตีโดย Ookla Speedtest ผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตอันดับ 1 ของโลก
Ookla Speedtest มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านรายใน 190 ประเทศทั่วโลก จึงมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือที่สุด ด้วยระเบียบวิธีในการใช้ข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมระดับสากล โดยวัดจากผู้ใช้มือถือในประเทศไทย ที่ร่วมทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตมากกว่า 8 ล้านครั้ง ภายใน 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา สามารถดูข้อมูลการจัดอันดับเครือข่ายในประเทศไทยได้ที่ www.speedtest.net/awards/thailand/
รางวัลนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอสในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วที่ดีที่สุด โดยเอไอเอสได้คะแนนความเร็วในการให้บริการอินเทอร์เน็ตสูงสุดในประเทศไทย เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการเครือข่ายรายอื่น รวมทั้งมีค่าเฉลี่ย Latency ต่ำที่สุด บนอุปกรณ์ที่รองรับ LTE ถือเป็นการตอกย้ำศักยภาพผู้นำของเอไอเอสที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพเครือข่าย ให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานอินเตอร์เน็ตมือถือที่ดีที่สุดในทุกการเชื่อมต่อ ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลก ทั้งเครือข่าย AIS NEXT G ที่เร็ว แรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เครือข่าย AIS 4.5G และ AIS 4G ADVANCED ที่รองรับเทคโนโลยีขั้นสูง MIMO 4×4 with CA, 256 QAM DL/64 QAM UL, LAA (Licensed Assisted Access) และ FDD Massive MIMO 32T 32R รวมทั้ง AIS SUPER WiFi ที่มีมากกว่า 100,000 จุดทั่วประเทศ
โดย “Ookla Speedtest” ผู้ให้บริการทดสอบความเร็วเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อันดับ 1 ของโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายใน 190 ประเทศทั่วโลก รองรับได้ถึง 17 ภาษา
โดยมีข้อมูลและตัวเลขทางสถิติที่สามารถยืนยันว่า Ookla Speedtest เป็นแอปฯ Speedtest อันดับ 1 ของโลกและอันดับ 1 ในไทยที่ได้รับการยอมรับและน่าเชื่อถือมากที่สุด เมื่อเทียบกับแอปฯ Speed Test รายอื่น ได้แก่
- ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดแอปฯ ใน Google Play Store แล้วกว่า 100 ล้านครั้ง และใน App Store เป็นอันดับ 1 ของแอปฯ ประเภท Speedtest และอันดับที่ 10 ของแอปฯ ยอดนิยมประเภทฟรีดาวน์โหลด
- ในประเทศไทยมียอดดาวน์โหลดแอปฯ รวมกว่า 5 ล้านครั้ง โดยในปี 2018 มียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 4.7 แสนครั้ง และมีผู้ใช้ประจำ (Active Users) กว่า 2.8 ล้านคน
- มีเครือข่าย Global Testing Server ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มากกว่า 7,200 Server
- ที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทั่วโลกร่วมกดทดสอบความเร็วเครือข่ายกับ ‘Ookla Speedtest’ มาแล้วมากกว่า 20,000 ล้านครั้ง ปัจจุบัน มีการร่วมกดทดสอบความเร็วเครือข่ายอยู่ที่ 10 ล้านครั้งต่อวัน
- เป็นที่ยอมรับจากสื่อชั้นนำด้านเทคโนโลยีและธุรกิจทั่วโลก อาทิ Clnet, The Woshington Post, FierceWirless, Forbes, Fortune, The New York Times, Mobile World Live, The Verge และ The Economic Times เป็นต้น
ปัจจุบัน มีผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตหรือ Speed Test ในตลาดอยู่หลายรายที่ผู้บริโภคชาวไทยใช้ทดสอบอยู่ อย่างไรก็ตาม การนำผลทดสอบที่ได้มาอ้างอิงถึงคุณภาพของเครือข่ายโดยรวม เพื่อสะท้อนถึงความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ผู้ใช้ได้รับบริการจริงๆ นั้น
ขนาดของกลุ่มประชากรตัวอย่างที่มีจำนวนมากพอที่จะเป็นตัวแทนของประชากรกลุ่มใหญ่ได้ ถือเป็นหัวใจสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
โดย Ookla Speedtest ถือเป็นผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตเพียงรายเดียว ที่มีการกำหนดกลุ่มประชากรตัวอย่างในประเทศอย่างน้อย 3% ในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เที่ยงตรงและแม่นยำสูงสุด รวมทั้งมีเกณฑ์ในการประเมินคะแนนความเร็วในการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ พร้อมระบุจำนวนกลุ่มประชากรตัวอย่างที่ใช้วัดผลอย่างชัดเจน รวมทั้ง แสดงผลทดสอบให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลการจัดอันดับและผลรางวัลอย่างโปร่งใสผ่านทางหน้าเว็บไซต์
ต่างจากผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตรายอื่นที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น และมีกลุ่มประชากรตัวอย่างยังไม่มากพอที่จะเป็นตัวแทนกลุ่มประชากรทั้งประเทศ หรือบางรายไม่ระบุที่มาและจำนวนกลุ่มประชากรตัวอย่าง ทำให้ผลที่วัดได้นั้น ขาดความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญคือ ไม่อาจสะท้อนถึงความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ผู้ใช้ได้รับอย่างแท้จริง ส่งผลให้ผู้บริโภคที่ทำการทดสอบได้ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับประสบการณ์จริง
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอส มุ่งมั่นยกระดับศักยภาพเครือข่ายในทุกด้านอยู่ตลอดเวลา พร้อมเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานเทียบเท่าประเทศที่เป็นผู้นำนวัตกรรมทั่วโลก และพร้อมรองรับการใช้งานของลูกค้าทุกกลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลเครือข่ายมือถือที่เร็วที่สุดในไทย จาก Ookla Speedtest ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นับเป็นการการันตีคุณภาพโดยองค์กรชั้นนำระดับโลกที่แม่นยำ โปร่งใส และเชื่อถือที่ได้มากที่สุด ถือเป็นความภูมิใจของทีมงานเอไอเอสทุกคน และขอขอบคุณลูกค้ากว่า 40 ล้านเลขหมายทั่วประเทศ ที่ไว้วางใจเลือกใช้เอไอเอสเสมอมา”
นาย Doug Suttles, CEO – Ookla กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับเอไอเอส กับรางวัลชนะเลิศ ในการทดสอบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่เร็วที่สุดในประเทศไทย ในปี 2018 โดยเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยรางวัลนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอไอไอเอสที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศ โดยเรายืนยันว่าการเก็บข้อมูลและประเมินผลของ Ookla Speedtest เป็นวิธีการที่เป็นมาตรฐานสากล และได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมระดับโลก ด้วยการรวบรวมข้อมูลความเร็วอินเทอร์เน็ต (Speed Intelligent) ที่ผู้ใช้แอปพลิเคชัน Ookla Speedtest กดทดสอบด้วยตนเอง
โดยรางวัลทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต หรือ Speedtest Award สำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย เราใช้เกณฑ์การตัดสินด้วยคะแนนความเร็วในการให้บริการอินเทอร์เน็ต (Speed Score) จากประสิทธิภาพในการดาวน์โหลดและอัพโหลด สำหรับรางวัลชนะเลิศสำหรับการทดสอบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ Ookla Speedtest ประเมินจากค่าเฉลี่ยของผลการทดสอบบนอุปกรณ์สมัยใหม่ (Modern Device) โดยดูจากผลการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือทุกชนิด โดยไม่จำกัดว่าจะใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อแบบใด ขอเพียงอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือสามารถเข้าถึงความเร็วอินเทอร์เน็ตสูงสุดในตลาดก็เพียงพอ
หลังจากใช้เกณฑ์นี้ในการประเมิน คะแนนความเร็วในการให้บริการอินเทอร์เน็ต (Speed Score) จะนับเป็นความเร็วสูงสุดของอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงได้ของประเทศนั้นๆ โดยผู้ให้บริการเครือข่ายแต่ละรายจะต้องมีกลุ่มประชากรตัวอย่างในประเทศอย่างน้อย 3% ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างมากในการให้บริการทดสอบความเร็ว โดยเราจัดทำรายงานเกี่ยวกับระเบียบการประเมินและผลลัพธ์ของแต่ละประเทศให้ทุกคนสามารถเข้าชมได้บนเว็บไซต์ของ Ookla Speedtest อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะเห็นข้อมูลคุณภาพการใช้งานตลอดจน ยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารไปอีกขั้นอย่างต่อเนื่อง”