ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในไทยบนโครงข่ายดีแทคได้ใช้งานแอปพลิเคชันบนมือถือด้วยประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้น หลังดีแทค อีริคสัน เฟซบุ๊ก จับมือยกระดับคุณภาพ (Optimization) เอาใจผู้ใช้งานในไทย และตอบรับกระแสเฟซบุ๊กที่เป็นแอปยอดนิยมในไทยมีผู้ใช้งานถึง 41 ล้านราย ดีแทคยังมุ่งเดินหน้าไม่เพียงแค่ยกระดับความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือและขยายเสาสัญญาณ 4G อย่างต่อเนื่อง แต่ยังตอบสนองการใช้งานแอปพลิเคชันให้ลื่นกว่าเดิมอีกขั้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อลูกค้าดีแทค
นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมีจุดยืนที่ชัดเจนและมองไประยะยาวมุ่งสร้างประโยชน์การใช้งานได้จริงให้กับผู้บริโภคและประเทศไทย พร้อมทั้งวางแผนใช้งบประมาณไปกับการพัฒนาโครงข่าย คุณภาพสัญญาณ และเพิ่มประสบการณ์ใช้งานเพื่อลูกค้า มากกว่าจะพัฒนาเพื่อทำสปีดเทสต์บนแอปพลิเคชันเอาตัวเลขเคลมกันไปมาถึงความเร็ว จนลืมความต้องการใช้งานจริงของผู้ใช้งานรวมทั้งหมด ซึ่งดีแทคได้มีจุดเด่นคือให้บริการ 4G บนคลื่น 1800MHz บนแบนด์วิธกว้างที่สุดถึง 20MHz รองรับมือถือ 4G เพื่อลูกค้าทุกคน โดยใช้งานได้อย่างลื่นไหลนำไปสู่ทุกประสบการณ์ดิจิทัลเพื่อลูกค้า”
นอกจากดีแทคจะมุ่งพัฒนาโครงข่ายทุกวันเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตที่เต็มสปีด เร็ว แรง ตอบสนองทุกความต้องการแล้ว ดีแทคยังมุ่งหน้าพัฒนาเพื่อให้ใช้งานแอปพลิเคชันยอดนิยมบนสมาร์ทโฟนได้ดียิ่งขึ้นลื่นขึ้นอีกระดับ โดยเฉพาะเฟซบุ๊กซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมสูงสุด (Most-accessed social media platform on the network) หรือมากกว่า 90% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือของดีแทค และผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรวมทั้งหมดในไทยยังมียอดถึง 41 ล้านคน* จากประชากรทั้งหมด 68.2 ล้านคน (*ข้อมูลจาก www.internetworldstats.com) โดยครั้งนี้เป็นความร่วมมือทั้ง ดีแทค อีริคสัน และเฟซบุ๊ก ที่จะยกระดับคุณภาพแอปพลิเคชันด้วยการทำ Optimization ไม่ใช่แค่ดูจากความเร็วสปีดเทสต์ อัปโหลด ดาวน์โหลด แต่ลงลึกถึงคุณภาพของการใช้งานจริงของแอปพลิเคชันในสถานการณ์ต่างๆ อย่างครอบคลุมรูปแบบในการใช้งาน (Application coverage)
“ดรรชนีวัดความพึงพอใจในยุคที่ขาดการเชื่อมต่อดาต้าไม่ได้ (data-hungry world) จะไม่ได้วัดกันที่ความเร็วของโครงข่ายเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องคำนึงถึงประสบกาiณ์ใช้งานแอปพลิเคชัน เช่น การใช้เวลาเข้าถึงคอนเทนท์ (time-to-content) หรือการใช้เวลาในการแชร์ข้อมูล (time-to-share) เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ และมีผลโดยตรงต่อความพึงพอใจลูกค้าในการใช้งานโครงข่ายมือถือ นอกจากนี้ยังรวมถึงความลื่นไหลของแอปพลิเคชันในช่วงเวลาผู้ใช้งานมากสุด (busy hour) ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทยอยู่ที่ช่วง 19.00-21.00 น. ดีแทคยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับอีริคสันและเฟซบุ๊ก ซึ่งไม่ได้ทำแค่วัดผลในห้องแล็บแต่เป็นการทำโซลูชั่นส์วัดผลแอปพลิเคชันเพื่อนำมายกระดับคุณภาพประสบการณ์ใช้งาน ซึ่งทำบนอุปกรณ์ใช้งานจริง บนโครงข่าย และช่วงเวลาใช้งานจริงแบบเรียลไทม์ในสถานการณ์ต่างๆ ที่ออกแบบมาวัดผลและทำ optimization เฟซบุ๊กโดยเฉพาะซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทำให้ผู้ใช้งานดีแทคจะรู้สึกได้ถึงประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นบนโครงข่ายดีแทค ไม่ใช่แค่เฟซบุ๊กที่ลื่นขึ้นดีขึ้นกว่าเดิม” นายประเทศกล่าว
นางนาดีน อัลเลน ประธานบริษัทอีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี พ.ศ. 2560 อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด ครบรอบ 110 ปี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตลอดเวลาที่ผ่านมา อีริคสันได้ร่วมมือกับลูกค้า คู่ค้า รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ เพื่อปฏิวัติรูปแบบการดำเนินชีวิต การทำงาน รวมทั้งการติดต่อสื่อสารของคนไทยอย่างต่อเนื่อง อีริคสันมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ดีแทค และเฟซบุ๊ก ด้วยเป้าหมายเดียวกันเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันบนมือถือให้ดียิ่งขึ้น ผลจากการทดสอบในโครงข่ายดีแทคใน White paper นั้นถือว่ามีประโยชน์ต่อโอเปอเรเตอร์ และนักพัฒนา ที่ทำให้เข้าใจตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้ใช้งาน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่เรามุ่งมั่นในการเพิ่มจำนวนผู้ไม่เชื่อมต่อ เป็นผู้ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ให้มากยิ่งขึ้น ”
มาร์คคู มาเคไลเนน ผู้อำนวยการฝ่ายพาร์ทเนอร์โอเปอเรเตอร์ทั่วโลก เฟซบุ๊ก กล่าวว่า “เป้าหมายของเฟซบุ๊กคือการทำอินเทอร์เน็ตราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อเชื่อมต่อกับผู้คนสองในสามของโลกที่ยังไม่ได้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เราได้ทำงานมุ่งมั่นร่วมกับผู้ประกอบการและพันธมิตรต่างๆ ของเราเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายของพวกเขาที่จะยกระดับประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นกับแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก และบริการอื่น ๆ เรารู้สึกยินดีอย่างมากที่จะแบ่งปันประสบการณ์จากการทำงานของเราร่วมกับอีริคสันและดีแทค เพราะเชื่อว่าจะนำประโยชน์มาช่วยให้รายอื่น ๆ เสริมสร้างเครือข่ายมือถือทั่วโลก”
ความสำเร็จของการศึกษาดังกล่าวหมายความว่าผู้ใช้งานเฟซบุ๊กไม่เพียงแต่สามารถที่จะได้รับเรื่องราวแชร์จากเพื่อนของพวกเขาได้เร็วขึ้น
แต่ยังสามารถแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขาภายในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กจะได้รับการบริการจากโครงข่ายมือถือเดียวกันด้วยประสิทธิภาพสูง โดยไม่ต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานและฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม สิ่งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือและผู้ใช้งาน และเป็นการส่งมอบประสบการณ์เพื่อการใช้งานให้ลูกค้าที่เหนือกว่าผ่านโครงข่ายที่ดีที่สุด