PR News

Huawei เปิดตัวชิปเซ็ต 5G มัลติโหมด และอุปกรณ์ 5G CPE Pro

Huawei launches the world's first single-chip multi-mode modem

Huawei เดินหน้าสู่ยุค 5G เต็มกำลัง เปิดตัวนวัตกรรมเพื่อการสื่อสารแบบไร้สายที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยชิปเซ็ต 5G มัลติโหมด และอุปกรณ์ 5G CPE Pro

หัวเว่ย (Huawei) นำเสนอนวัตกรรมเพื่อการสื่อสารแบบไร้สายที่เร็วที่สุดในโลก เปิดตัวชิปเซ็ต Balong 5000 ชิปเซ็ต 5G แบบมัลติโหมด พร้อมกับอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ 5G CPE Pro อันเป็นอุปกรณ์เชิงพาณิชย์ซึ่งรองรับการรับส่งข้อมูลแบบ 5G ชิ้นแรกที่ทำงานโดยใช้ชิปเซ็ตรุ่นดังกล่าว นวัตกรรมใหม่ทั้ง 2 รายการนี้ช่วยมอบการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้สายได้อย่างรวดเร็วที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟน บ้าน ที่ทำงาน หรือขณะเดินทาง

Huawei เปิดตัวชิปเซ็ต 5G มัลติโหมด และอุปกรณ์ 5G CPE Pro

ชิปเซ็ต Balong 5000 เป็นชิปเซ็ตที่จะเปิดศักราชใหม่สู่ยุค 5G เนื่องจากชิปเซ็ตนี้สามารถรองรับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน อุปกรณ์รับส่งสัญญาณบรอดแบนด์ภายในบ้าน อุปกรณ์ภายในรถยนต์ และโมดูล 5G ประเภทต่างๆ ผู้บริโภคจึงสามารถสัมผัสประสบการณ์ของการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วในระดับ 5G ได้ทุกที่

ริชาร์ด หยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวว่า “ชิปเซ็ต Balong 5000 จะนำผู้บริโภคทุกคนก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่เพราะชิปเซ็ตนี้ช่วยให้แนวคิด 5G กลายเป็นความจริง อีกทั้งช่วยให้กระบวนการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสำหรับอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ เป็นไปได้ นอกจากนี้ อุปกรณ์รับส่งสัญญาณ 5G CPE Pro ที่ใช้ชิปเซ็ต Balong 5000 เป็นหน่วยประมวลผลกลางนั้นช่วยให้ผู้บริโภคใช้งานเครือข่ายต่างๆ ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นและรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าที่เคย หัวเว่ยพัฒนานวัตกรรม 5G ในทุกองค์ประกอบทั้งชิปเซ็ต อุปกรณ์ ระบบคลาวด์ และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ซึ่งความเป็นผู้นำของหัวเว่ย ด้านเทคโนโลยี 5G รวมไปถึงการพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้หัวเว่ยนำเสนอประสบการณ์ที่เป็นเลิศและเปี่ยมประสิทธิภาพสู่ผู้บริโภคทั่วโลกในทุกจังหวะของชีวิต”

 

ก้าวสู่ยุค 5G กับชิปเซ็ต Balong 5000

Huawei launches the world's first single-chip multi-mode modem

หัวเว่ยภูมิใจเสนอชิปเซ็ต 5G มัลติโหมดรุ่นแรกของโลก ชิปเซ็ต Balong 5000 คือชิปเซ็ตตระกูล Balong    ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด โดยชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดนี้มีขนาดเล็กแต่ผสานนวัตกรรมที่หลากหลายไว้ภายใน ชิปเซ็ตนี้รองรับการสื่อสารแบบ 2G 3G 4G และ 5G ในตัว จึงสามารถลดทั้งความหน่วงของการรับส่งข้อมูลและพลังงานที่ใช้ขณะรับส่งข้อมูลที่โหมดการทำงานต่างๆ ได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ในช่วงเวลาที่การสื่อสารแบบ 5G เริ่มใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ได้เช่นกัน

ชิปเซ็ต Balong 5000 เป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ด้านอัตราการดาวน์โหลดที่ย่านความเร็วระดับ 5G ให้กับอุตสาหกรรมการสื่อสาร โดยชิปเซ็ตนี้รองรับความเร็วการดาวน์โหลดได้ถึง 4.6 กิกะบิตต่อวินาทีเมื่อใช้งานที่ย่านความถี่กลุ่ม Sub-6 GHz หรือคลื่นความถี่ต่ำที่กำหนดให้เป็นคลื่นความถี่หลักสำหรับการสื่อสารแบบ 5G และชิปเซ็ตนี้ยังรองรับความเร็วการดาวน์โหลดได้ตั้งแต่ 6.5 กิกะบิตต่อวินาทีเมื่อใช้งานที่ย่านความถี่กลุ่มมิลลิเมตเตอร์เวฟ (mmWave) หรือคลื่นความถี่สูงที่กำหนดให้เป็นคลื่นความถี่เพิ่มเติมสำหรับการสื่อสารแบบ 5G ซึ่งความเร็วในการดาวน์โหลดดังกล่าวเร็วกว่าชิปเซ็ต 4G LTE รุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ใช้ในท้องตลาดปัจจุบันถึง 10 เท่า นอกเหนือจากนี้ ชิปเซ็ต Balong 5000 ยังเป็นชิปเซ็ต 5G รุ่นแรกของโลกที่สามารถใช้งานได้กับโครงข่ายทั้งแบบที่ทำงานได้โดยอิสระ (SA) และแบบที่ต้องทำงานร่วมกับโครงข่ายอื่น (NSA) โดยโครงข่ายแบบที่ต้องทำงานร่วมกับโครงข่ายอื่นนั้นคือโครงข่าย 5G ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมจากโครงข่าย 4G LTE ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนโครงข่ายที่ทำงานได้โดยอิสระนั้นคือโครงข่าย 5G ที่สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องอิงกับโครงข่ายใดๆ ยิ่งไปกว่านี้ ชิปเซ็ต Balong 5000 ยังเป็นชิปเซ็ตที่สามารถปรับแต่งให้สอดคล้องกับผู้ใช้หรือผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีความต้องการแตกต่างกันได้ เพื่อให้ชิปเซ็ตนี้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สอดรับกับวิวัฒนาการของการสื่อสารในยุค 5G

ชิปเซ็ต Balong 5000 ยังเป็นชิปเซ็ตแบบมัลติโหมดรุ่นแรกของโลกที่รองรับการสื่อสารข้อมูลตามแนวคิด  Vehicle to Everything – V2X เนื่องจากชิปเซ็ตนี้มีค่าความหน่วงของการรับส่งข้อมูลต่ำและเป็นชิปเซ็ตที่หัวเว่ยพัฒนาให้เป็นโซลูชั่นสำหรับยานยนต์ยุคใหม่ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ทั้งนี้ หัวเว่ยจะนำเสนอสมาร์ทโฟน 5G รุ่นแรกของบริษัทฯ ที่จะใช้ชิปเซ็ต Balong 5000 ในงาน Mobile World Congress 2019 ณ  บาร์เซโลน่า

 

อุปกรณ์รับส่งสัญญาณหัวเว่ย 5G CPE Pro ยกระดับประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายบรอดแบนด์ในบ้าน

The Huawei 5G CPE Pro achieves a high speed of 3.2 Gbps in live network tests

อุปกรณ์รับส่งสัญญาณหัวเว่ย 5G CPE Pro มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลถึง 3.2 กิกะบิตต่อวินาทีเมื่อทดสอบบนเครือข่ายจริง โดยที่ใช้ชิปเซ็ต Balong 5000 นั้นรองรับการสื่อสารข้อมูลไร้สายทั้งแบบ 4G และ 5G เมื่อใช้งานในย่านความถื่ 5G อุปกรณ์นี้สามารถดาวน์โหลดคลิปวิดีโอที่มีขนาด 1 กิกะไบต์ได้ภายใน 3 วินาที และสามารถสตรีมคลิปวิดีโอความละเอียด 8K ได้แบบไม่มีสะดุด ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของอุปกรณ์รับส่งข้อมูลภายในบ้าน และอุปกรณ์รับส่งสัญญาณหัวเว่ย 5G CPE Pro ยังสามารถเป็นอุปกรณ์รับส่งข้อมูลขององค์กรธุรกิจขนาดกลางย่อมและขนาดกลางที่ต้องการความเร็วในการรับส่งข้อมูลในระดับสูงสุดเช่นกัน

อุปกรณ์รับส่งสัญญาณหัวเว่ย 5G CPE Pro รองรับเทคโนโลยี Wi-Fi 6 อันเป็นเทคโนโลยีใหม่ของระบบ
Wi-Fi จึงมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลถึง 4.8 กิกะบิตต่อวินาที นอกจากนี้ อุปกรณ์รับส่งสัญญาณหัวเว่ย 5G CPE Pro ยังเป็นอุปกรณ์รับส่งสัญญาณแบบ 5G รุ่นแรกที่รองรับโปรโตคอล HUAWEI HiLink ยกระดับสมาร์ทโฟนไปสู่ยุค 5G ได้เต็มรูปแบบ

หัวเว่ย ในฐานะผู้บุกเบิกกระบวนการรับส่งข้อมูลแบบ 5G เริ่มต้นการวิจัยและพัฒนาด้านนี้มาตั้งแต่ปี 2009 และเป็นบริษัทเดียวในปัจจุบันที่มีอุปกรณ์โครงข่าย 5G จำหน่ายแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ปัจจุบันหัวเว่ยมีวิศวกรที่ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนาด้าน 5G จำนวน 5,700 คน ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการรับส่งข้อมูลแบบ 5G จำนวน 500 คน และมีศูนย์นวัตกรรมร่วมเพื่อพัฒนาโซลูชั่น 5G 11 แห่งทั่วโลก

 

To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณและสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • GA

    Google Analytic

Save