ยิ่งใหญ่สมกับเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย LINE Thailand จัดงาน LINE Converge Thailand 2019 เพื่อสะท้อนภาพความสำเร็จของ LINE ในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศไทย โดยภายในงานครั้งนี้ได้รับความสนใจจากแขกผู้มีเกียรติ พันธมิตร องค์กรขนาดใหญ่ ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก พร้อมด้วยผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีเข้าร่วมงานมากมายเพื่ออัพเดทข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม LINE
กว่า 6 ปีที่ LINE ได้เข้ามาในตลาดประเทศไทย LINE ถือเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยปัจจุบัน LINE มีผู้ใช้งานกว่า 44 ล้านคน หรือประมาณ 78% ของจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน นอกเหนือจากการเป็นแอปพลิเคชั่นการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแล้ว แพลตฟอร์มนี้ยังมีบริการที่ครอบคลุมและครบวงจร อาทิ LINE PLAY, LINE TODAY, LINE MAN, LINE JOBS รวมถึงบริการยอดนิยม อาทิ LINE Stickers, Rabbit LINE Pay และ LINE Biz-Solution
“LINE มุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ ‘WOW’ ให้กับผู้ใช้งานทุกคน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับทุกชีวิตในรูปแบบ lifestyle innovation ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรายืนหยัดและประสบความสำเร็จเช่นในวันนี้และถือเป็นส่วนสำคัญที่ได้เข้ามาปฏิวัติไลฟสไตล์ของคนไทยผ่านบริการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกชีวิตของคนไทย” อึนจอง ลี รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารธุรกิจระดับโลก LINE คอร์ปอเรชั่น กล่าว
“และก้าวต่อไปของ LINE ก็คือการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ “Life on LINE” ที่จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐานชีวิต” สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของทุกคน”
โดยในงานวันแรกเริ่มต้นด้วยการแสดงวิสัยทัศน์ใหม่ “Life on LINE” สำหรับตลาดประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้แพลตฟอร์ม LINE เป็น “โครงสร้างพื้นฐานชีวิต” สำหรับผู้ใช้งานทุกคน รวมถึงการประกาศการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่สำคัญสำหรับตลาดในประเทศไทย ได้แก่ LINE Mini app, LINE Shopping, LINE MAN GROCERY, LINE Melody และ Smart Channel นอกจากนี้ยังได้จัดงาน LINE Thailand Awards ซึ่งมีการมอบรางวัลกว่า 26 รางวัลแก่พันธมิตรชั้นนำของ LINE ในหลากหลายหมวดหมู่ธุรกิจ
“แนวคิดของ Life on LINE จะครอบคลุมถึงการให้บริการที่ทุกคนต้องการในชีวิตประจำวันตั้งแต่การตื่นนอนตอนเช้า การอ่านข่าวผ่าน LINE หรือการจองร้านทำผมผ่าน LINE Official Account ระหว่างการเดินทางไปทำงาน หรือการจ่ายค่าโดยสารรถประจำทาง รถไฟฟ้าผ่าน Rabbit Line Pay ซึ่งแพลตฟอร์มทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรารู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ใช้บริการของเราต้องการมากที่สุดและยังไม่มีใครที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้” อึนจอง ลี กล่าวเสริม
3 กลยุทธ์สำคัญสำหรับ Life on LINE
1) OMO (online-merge-offline การรวมกันของออนไลน์กับออฟไลน์) – คล้ายกับ O2O แต่เป็นการรวมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ และเพื่อให้ OMO เข้ามาช่วยธุรกิจไทยได้อย่างแท้จริง
LINE จึงได้เปิดตัว LINE Mini App ระบบที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้บริการเต็มรูปแบบจากแบรนด์หรือธุรกิจต่าง ๆ ผ่าน LINE ได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องออกจาก LINE และแบรนด์เองก็ยังคงรูปแบบบริการของตนเองได้ตามที่ต้องการ
2) Fintech – นี่ถือเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด ควบคู่กับการนำเสนอนวัตกรรมทางการธนาคาร ซึ่งที่ผ่านมา LINE ได้ดำเนินธุรกิจ Rabbit LINE Pay และได้ร่วมมือกับ KBANK เพื่อปฏิวัติการบริการทางการเงิน ภายใต้องค์กรความร่วมมือใหม่ในนาม KASIKORN LINE
3) AI – LINE จะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI ขั้นสูงเพื่อนำไปใช้ในการบริการที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น การนำ AI มาช่วยในฟีเจอร์สำหรับการแนะนำบริการแบบเฉพาะบุคคลในการค้นหาการใช้บริการ LINE TV, Sticker Shop, โฆษณา และอื่น ๆ
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Smart Channel ที่เรียนรู้จากพฤติกรรมความสนใจของผู้ใช้ไปสู่การนำเสนอข้อมูลที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง
นวัตกรรมเพื่อธุรกิจไทย
ดร. พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ของ LINE ประเทศไทย ได้แนะนำบริการและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจในประเทศไทยโดยเฉพาะถึง 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
- LINE Shopping – บริการรูปแบบใหม่ในการรวมแหล่งออนไลน์ช้อปปิ้งไว้ในที่เดียว เพื่อแก้ pain point ของลูกค้าในการตามหาข้อมูลที่มีมากจนเกินไป และช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยฟีเจอร์สำคัญมากมาย อาทิ โปรโมชั่น, คะแนนสะสม, การตั้งรายการสินค้าที่ต้องการซื้อ (wish list), การแจ้งเตือนเมื่อสินค้านั้น ๆ ราคาลดลง และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่จะตามมาอีกมากมายในอนาคต
- LINE MAN – LINE MAN “ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ผ่านการจับมือกับพันธมิตรองค์กรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละพื้นที่ และนำ big data มาใช้เพื่อให้เกิดการออกแบบบริการที่เข้าใจผู้ใช้บริการมากที่สุด ทั้งหมดนี้จะเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาบริการใหม่และพัฒนาบริการที่มีอยู่ให้เป็นที่พึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการมากที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับ LINE MAN” ดร.พิเชษฐ กล่าว “Big Data คือ สิ่งที่ถูกนำมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้บริการ รวมถึงการคาดการณ์เทรนด์หรือกระแสนิยมที่กำลังเกิดขึ้นเพื่อนำมาสร้างสรรค์ moment marketing ที่จะช่วยการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น”
ในการเติบโตของ LINE MAN มีปัจจัยสำคัญจากการมีพันธมิตรที่เป็นผู้นำอย่าง Wongnai ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจที่มีร้านอาหารในเครือข่ายรวมกว่า 50,000 ร้าน ซึ่งส่งผลให้ LINE MAN เป็นแอปพลิเคชั่นเดียวที่ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดในกรุงเทพ รวมถึงอีกพันธมิตรสำคัญคือผู้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำอย่าง lalamove ที่ได้มีการเพิ่มจำนวนยานพาหนะในการให้บริการสูงถึง 50% ในแต่ละปี
นอกจากนั้น อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ LINE MAN เติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ การสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดในเวลาที่เหมาะสมเพื่อมอบผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ใช้งาน ยกตัวอย่างได้ชัดเจน คือ เมื่อไม่นานมานี้ LINE MAN ได้เปิดตัวแคมเปญครบรอบ 3 ปี ซึ่งจากแคมเปญดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่งผลให้ยอดการสั่งซื้อเมนูชานมไข่มุกสูงขึ้นถึง 50 เท่า และเมนูเอแคร์จากร้านอาฟเตอร์ยูที่สร้างยอดขายผ่าน LINE MAN ได้สูงถึง 200,000 ชิ้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยอันดับหนึ่งของคนกรุงเทพฯ ได้ประกาศแผนการรุกขยายการบริการให้ครอบคลุมพื้นที่หัวเมืองใหญ่ของประเทศไทยภายในปี 2563 ซึ่ง LINE MAN เป็นพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่อย่าง Wongnai และ Lalamove เพื่อที่จะพัฒนาการบริการที่ดียิ่งขึ้น และบริการดังกล่าวยังได้เปิดตัวโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการใช้พลาสติกอีกด้วย
- LINE MAN GROCERY – จะเป็นบริการใหม่ที่จะเป็นคำตอบของผู้คนในยุคสมัยปัจจุบันที่ทุกคนจะสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเป้าหมายในการประหยัดเวลาที่ต้องเสียไปกับการเดินทาง
นอกเหนือจากบริการใหม่แล้ว LINE MAN มุ่งมั่นที่จะสร้างเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์แนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในการดำเนินงาน ซึ่งรวมถึงมีดพลาสติกและกระเป๋าที่ใช้ในการส่งอาหารให้กับลูกค้า ฟีเจอร์ใหม่ใน LINE MAN จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถปฏิเสธการรับพลาสติกที่ไม่จำเป็น โดยฟีเจอร์นี้จะเปิดตัวภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยมีพันธมิตรร้านอาหารชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการนี้แล้ว ได้แก่ บอนซอน, ซิซเล่อร์, เบอร์เกอร์คิงส์, เท็กซัส ชิคเก้น, พิซซ่า ฮัท, บ้านหญิง, คั่วกลิ้งผักสด และเดอะมอลล์กรุ๊ป
- LINE MELODY – LINE Call ย้อนกลับไปในยุค 90 เสียงรอสายได้รับความนิยมมาก ซึ่งปัจจุบันนี้ LINE Call ถืออีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้นิยมใช้งานอย่างมากซึ่งด้วยฟีเจอร์นี้ผู้ใช้งานจะสามารถนำเอาเพลงยอดนิยมมาใช้เป็นเมโลดี้หรือริงค์โทนได้
ซึ่งวันนี้เราพบว่าผู้ใช้ LINE นิยมใช้ LINE Call ทดแทนการกดเบอร์โทรศัพท์โทรหากันแบบเดิม ๆ ซึ่งสำหรับพันธมิตรด้านเพลงนั้นจะมีการเปิดเผยอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
“ทั้งหมดนี้คือบริการและฟีเจอร์ทั้งหมดที่จะมีการเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ใหม่จากบริการใหม่จาก LINE ซึ่งทีมงานทุกคนของ LINE ประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่เราได้ทุ่มเทนั้นจะสามารถตอบสนองความต้องการทุกคนและช่วยยกระดับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ของเราให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น” ดร. พิเชษฐ กล่าว
โซลูชั่นใหม่สำหรับภาคธุรกิจ
นอกเหนือจากการเปิดตัวบริการใหม่สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว LINE ประเทศไทยยังได้เปิดตัวโซลูชั่นมืออาชีพสำหรับภาคธุรกิจ รวมถึงการใช้งานสำหรับงานทรัพยากรบุคคลและหน่วยงานภาครัฐ ที่จะตอบสนองการเดินหน้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่ง LINE ecosystem กำลังเติบโตอย่างมากและพร้อมเป็นเครื่องมือสำคัญและมีประสิทธิภาพสำหรับภาคธุรกิจที่เชื่อมต่อแบรนด์กับลูกค้า อีกทั้งเพื่อการปรับปรุงการบริการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน มีผู้ใช้งาน LINE Official Account (OA) สูงถึง 3 ล้านราย โดยมี 1.3 ล้านรายอยู่ในกลุ่มธุรกิจรีเทล และ 180,000 รายอยู่ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าวได้นำไปสู่ความพร้อมในการพัฒนา LINE OA Plus และ OA Plus E-Commerce ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์โดยตรงผ่าน LINE Official Account ของแบรนด์ โดยไม่ต้องสวิตซ์ไปใช้แอปพลิเคชั่นอื่น โดยชูฟีเจอร์ LINE2SHOP ซึ่งมี MAC Cosmetics เป็นพันธมิตรแบรนด์แรกในการเปิดตัวบริการนี้ รวมถึงพันธมิตรที่ร่วมมือทางด้านระบบ อาทิ aCommerce และ Akita
เช่นเดียวกับบริการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น OA x LINE MAN ที่แบรนด์สามารถเชื่อมต่อบริการ LINE MAN เข้ากับ Official Account ของธุรกิจตนเองได้
นอกจากนี้ยังมีบริการใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ :
1) Slide ad บน LINE TODAY ที่จะเพิ่มมิติและความน่าสนใจของข้อความและการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน LINE TODAY เป็นบริการหนึ่งที่โดดเด่นที่เข้าถึงจำนวนผู้ใช้งาน LINE มากกว่าครึ่ง
2) Smart Channel – พื้นที่โฆษณาที่อยู่ด้านบนของหน้า chat list เพื่อให้นักการตลาดสามารถส่งข้อความโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม หรือผู้ใช้งานจะได้รับข้อความโฆษณาที่ตรงกับความสนใจมากขึ้น
3) LINE IDOL – ช่องทางการสื่อสารสำหรับกลุ่มศิลปิน ดารา และคนดัง เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับแฟนคลับได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปัจจุบัน LINE IDOL มีช่องพิเศษสำหรับคนดังและนักเขียนบล็อก
และในงานนี้เอง LINE IDOL ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเพิ่มหมวดหมู่ Business สำหรับคอนเทนต์จากผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ และ Sports สำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับกีฬาต่าง ๆ
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มการชำระเงินบนมือถือของ LINE ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น โดยพบว่าปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Rabbit LINE Pay กว่า 6 ล้านบัญชี และมีการผูกกับบัตรเครดิต / เดบิตกว่า 4 ล้านใบ และมีผู้ลงทะเบียนสร้าง e-wallets กว่า 5 ล้านราย จึงเป็นที่มาของการร่วมมือระหว่าง Rabbit LINE Pay และ LINE Points ให้ผู้ใช้สามารถนำ LINE Points มาใช้งานกับร้านค้ากว่า 60,000 รายที่อยู่ในระบบของ Rabbit LINE Pay ได้
สำหรับธุรกิจ FinTech ของ LINE ที่ดำเนินงานภายในนามบริษัท KASIKORN LINE ซึ่งได้มีการเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2561 ภายในงานครั้งนี้ ได้มีการยืนยันแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ในปี 2563 โดยเน้นการให้บริการเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานะการเงินของตนเอง รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลเครดิตและลงทุนได้อย่างปลอดภัยผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลเชิงลึก, การกู้ยืม, ประกัน และการลงทุน
ภายในงาน ยังได้มีการจัดมอบรางวัล LINE Thailand Awards ครั้งแรกกับการประกาศและมอบรางวัล “ที่สุด” บนแพลตฟอร์ม LINE ให้กับแบรนด์ที่ทำผลงานเชิงธุรกิจบน LINE ได้อย่างโดดเด่นและยอดเยี่ยม ตามหมวดหมู่และแวดวงอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิ เทคโนโลยี การสื่อสารและบันเทิง, ยานยนต์และพลังงาน, สินค้าบริโภคและค้าปลีก รวมไปถึงการเงินและประกัน โดยมีการมอบรางวัลทั้งหมดกว่า 26 รางวัล