Mastercard ได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นการชำระเงินแบบเรียลไทม์และการชำระเงินในระบบดิจิทัลที่กำลังเติบโตทั่วเอเชียแปซิฟิก ในงาน Bangkok Fintech Fair 2019 โดยผ่านศูนย์กลางการชำระเงินแบบเรียลไทม์ของภูมิภาคพร้อมศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยและสิงคโปร์
ศูนย์กลางนี้จะให้บริการการจัดการที่จะช่วยให้มีนวัตกรรมด้านการชำระเงินแบบเรียลไทม์ได้รวดเร็วขึ้น และตรงกับความต้องการของธนาคาร ธุรกิจต่างๆ และผู้บริโภคทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ‘Thailand 4.0’ ของรัฐบาลไทยและ ‘แผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน’ ของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งทั้งสองอย่างนี้ถือว่ามีความสำคัญในการกำหนดโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินในระบบดิจิทัลที่สามารถทำงานข้ามระบบกันได้
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของมาสเตอร์การ์ดในการนำเสนอนวัตกรรมด้านแอพพลิเคชั่นการชำระเงินและบริการเสริมต่างๆ เช่น ‘Pay by Account หรือ PbA’ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถชำระเงินโดยตรงจากบัญชีไปยังจุดรับการจ่ายเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ในระบบไร้สัมผัสและ QR Code ของมาสเตอร์การ์ด
Pay by Account ช่วยให้ธนาคารต่างๆ สามารถพัฒนาบริการต่างๆ ที่นำเสนอผ่านแอพพลิเคชั่นธนาคารดิจิทัล ที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นและได้รับความสะดวก รวมถึงช่วยในการชำระเงินจำนวนย่อยรายวันอย่างปลอดภัยและไว้ใจได้ด้วยระบบของทั้งธนาคารและมาสเตอร์การ์ด
มาสเตอร์การ์ดมีส่วนในการให้บริการด้านการชำระเงินมาอย่างยาวนานในเอเชียแปซิฟิก และเมื่อมีการรวมกิจการของ Vocalink ทำให้มาสเตอร์การ์ดเป็นผู้ให้บริการชั้นนำในภูมิภาคด้านโครงสร้างพื้นฐานของการชำระเงินแบบเรียลไทม์ตามบัญชีในหลายประเทศในภูมิภาค ในสิงคโปร์ Vocalink เป็นผู้สนับสนุนเทคโนโลยีให้กับ FAST ตั้งแต่ปี 2014 สำหรับในประเทศไทย Vocalink ได้มอบสิทธิ์ในการใช้เทคโนโลยีแก่ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National Interbank Transaction Management Exchange: ITMX) และยังเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในการเปิดตัว PromptPay ในปี 2560 อีกด้วย
PromptPay ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินโดยตรงจากบัญชีธนาคารโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล์ หรือเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน จากสถิติล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย มีผู้ลงทะเบียนเพื่อใช้งาน PromptPay แล้วถึง 48 ล้านคนตั้งแต่เปิดตัว และในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มาสเตอร์การ์ดเป็นบริษัทแรกที่ร่วมมือกับ National ITMX เพื่อทำให้บัตรเดบิตไทยที่ออกในประเทศไทยสามารถใช้จ่ายได้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการชำระเงินวางแผนนำนวัตกรรมใหม่สู่ประเทศไทย โดยถือเป็นเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เกิดความรุดหน้าด้านการชำระเงินแบบเรียลไทม์ในภูมิภาค
การชำระเงินแบบเรียลไทม์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลกทั้งในกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคเนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและรวดเร็วยิ่งขึ้นในการรับส่งเงิน และยังสามารถรับประกันได้ว่า ผู้รับจะได้รับเงินทันทีเมื่อมีการอนุมัติการทำธุรกรรม การชำระเงินแบบเรียลไทม์จะช่วยให้กระแสเงินสดสะพัดยิ่งขึ้น ทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพขึ้น มีความโปร่งใสและความถูกต้องของข้อมูล จากการสำรวจทั่วโลกของมาสเตอร์การ์ดระบุว่า 85% ของสถาบันการเงินมองว่า การชำระเงินแบบเรียลไทม์เป็นหนทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการชำระเงิน