บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แถลงข่าวเผยวิสัยทัศน์และนวัตกรรมใหม่ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เส้นทางยุค Digital Transformation เพิ่มศักยภาพด้านนวัตกรรม เสริมการแข่งขันในภาคธุรกิจ สร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถทันยุคสมัย และให้ทุกคนได้ใช้พลังด้านดิจิทัลที่อยู่ในมืออย่างสร้างสรรค์และปลอดภ้ย
Digital Transformation คืออะไร?
“สำหรับไมโครซอฟท์แล้ว Digital Transformation ไม่ใช่อนาคต แต่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว โดยที่ทุกคนและทุกองค์กรจะต้องไม่พลาดโอกาสในการพลิกโฉมสู่โลกดิจิทัล หากต้องการจะประสบความสำเร็จในยุคนี้”
นายอรพงศ์ เทียนเงิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี ไมโครซอฟท์ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล ของทั้งบุคคลและองค์กรทั่วโลกในหลากหลายมิติ ภายใต้แนวคิดที่แบ่งกระบวนการออกเป็น 4 มิติหลักๆ ได้แก่
- การโต้ตอบและสื่อสารกับลูกค้า (Engage your customers)
- การเสริมศักยภาพให้กับพนักงาน (Empower your employees)
- การยกระดับประสิทธิภาพของธุรกิจ (Optimize your business)
- การพลิกรูปแบบผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจ (Transform your products/business)
ทางไมโครซอฟท์ได้ยกตัวอย่างเรื่องราวการประยุกต์ใช้นวัตกรรมกับแพลตฟอร์มและธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ระบบ IoT (Internet of Things) สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมอย่าง Predix ของ เจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ที่ใช้งานอยู่บนแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure, ระบบตรวจเช็คภาพถ่ายเซลฟี่เพื่อยืนยันตัวผู้ขับรถของอูเบอร์ (UBER) ในสหรัฐอเมริกา หรือระบบวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานของลิฟท์ของธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการดูแลรักษาลิฟท์ให้ใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัยมากขึ้น
ส่วนในประเทศไทย นายอรพงศ์ได้เผยถึงระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อสนทนา (BOT Chat – Intelligent answer and suggestion) ที่รองรับภาษาไทยรุ่นแรก พัฒนาโดยบริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จำกัด โดยพัฒนาต่อยอดจาก Cortana ให้เป็นระบบตอบรับอัตโนมัติแบบข้อความที่สามารถเข้าใจและโต้ตอบกับผู้ใช้ในภาษาไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านทั้งทางหน้าเว็บไซต์และ Skype โดยระบบดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อการใช้งานในทั้งภาครัฐและเอกชนในอนาคต
ไม่ใช่แค่นำเสนอเทคโนโลยี Microsoft ยังร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ในประเทศไทย ไมโครซอฟท์ได้ขยายขอบเขตความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่สำคัญ อาทิ การลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เพื่อเสริมทักษะวิชาชีพนอกห้องเรียนด้านต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานโดยใช้แพลตฟอร์ม Microsoft YouthWorks, โครงการศูนย์นวัตกรรม Chula Engineering Innovation Hub ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อผลิตวิศวกรรยุคใหม่ที่มีความรู้รอบด้าน และล่าสุดกับการลงนามข้อตกลงกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) เพื่อเสริมความปลอดภัยในโลกดิจิทัล ด้วยการมอบข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ติดมัลแวร์ในประเทศไทยให้ทาง สพธอ. ไปใช้เพื่อกำจัดปัญหานี้
นอกจากนี้ทางไมโครซอฟท์ยังมีอีกยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การสนับสนุนการสร้างกำลังคนที่มีความสามารถทันยุคสมัย และมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศไทยสู่ยุค Thailand 4.0 ที่ใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทางไมโครซอฟท์ได้บอกว่า ปัจจุบันอุปกรณ์ต่างๆ มีประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานได้ดีและฉลาดกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมาย อาทิ machine learning, powerful algorithms, cloud, artificial intelligence และระบบอัจฉริยะมากมาย ทางไมโครซอฟท์นั้นทุ่มเทในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Windows 10 as a service, Azure IoT, Clound และล่าสุดได้เปิดแผนกเพื่อพัฒนา AI เพื่อให้สามารถนำศักยภาพของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ผสานเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
ทางด้านภาคธุรกิจ ไมโครซอฟท์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกลุ่มธุรกิจ SME ได้จัดโซลูชั่นของ Office 365 และ Microsoft Azure เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงานไม่มาก สามารถยกระดับการทำงานให้มีมาตรฐานในหลายๆ ด้าน ไม่ต้องลงทุนกับระบบหลังบ้าน และสามารถปรับใช้ยืดหยุ่นตามแต่ตลาด ปัจจุบันไมโครซอฟท์มีลูกค้าตั้งแต่ Startup รายเล็กๆ ไปจนถึงรายใหญ่ขนาดบริษัทข้ามชาติ
ล่าสุดทางไมโครซอฟท์ได้จัดแคมเปญ “SMEs ไอทียกแพค” ที่ให้พื้นที่คลาวด์ถึง 1TB, อีเมล์ของบริษัทพร้อมชื่อโดเมน รวมถึงข้อเสนอพิเศษมากมาย เช่น คลาสเรียนลัด Microsoft Office Online by SkilllLane ซึ่งเป็นแพ็กเกจพิเศษสำหรับผู้ประกอบการ SME ทุกขนาด ในราคาเริ่มต้นเพียงวันละ 6 บาท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 26 ธันวาคม 2559 และ 500 บริษัทแรกที่เข้าร่วมแคมเปญจะได้รับชื่อโดเมนฟรี และทุผู้ประกอบการทุกรายที่เข้าโครงการจะได้รับส่วนลดพิเศษสำหรับซื้อ Office 365 รุ่น Business Essentials อีกด้วย
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-263-6888 หรือหาสนใจในโซลูชั่นอื่นๆ และข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อบริษัทคู่ค้าของทางไมโครซอฟท์ หรือที่ www.microsoft.com/th-th
และในโอกาสนี้ทางไมโครซอฟท์ได้พาสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชม สำนักงานใหญ่โฉมใหม่ของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Intelligent Workplace’ ที่สนับสนุนให้พนักงานทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและอิสระ ไม่มีที่นั่งประจำ โดยพนักงานสามารถหาตำแหน่งที่นั่งของเพื่อนร่วมงานได้จากเครื่องมือชื่อ Find Me ที่ไมโครซอฟท์พัฒนาขึ้นเองบนแพลตฟอร์มคลาวด์อาซัวร์ ทั้งนี้ พนักงานสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ในพื้นที่ทำงานรูปแบบต่างๆ กัน โดยห้องประชุมทุกห้องจะมาพร้อมกับอุปกรณ์การเชื่อมต่อครบครันเพื่อรองรับการประชุมและประสานงานแบบทางไกล