ในปีที่ผ่านมา เสียวหมี่ สามารถทำยอดขายสมาร์ทโฟน Redmi Note ได้มากถึง 110 ล้านเครื่องทั่วโลก ตามรายงานจากบริษัทวิจัยการตลาด Canalys ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายท่ามกลางการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยีมือถือ และหลายคนก็คงสงสัยว่าอะไรที่ทำให้ เรดหมี่ ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นและครองใจผู้คนทั่วโลกได้มากขนาดนี้ คำตอบนั้นมาจาก ปรัชญาการทำธุรกิจของเสียวหมี่ ที่จะมุ่งมั่นและแสดงออกถึงความจริงใจในการดำเนินธุรกิจ โดยเสียวหมี่ จะไม่ค้ากำไรเกิน 5% ในทุกผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ เมื่อบวกเข้ากับการพัฒนาและวิจัยเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงกลุ่มคนผู้ใช้รองรับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่าในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ ส่งผลให้ เรดหมี่ เป็นแบรนด์ที่ครองใจคนทั่วโลก
นอกจากนั้นสมาร์ทโฟน เรดหมี่ ยังตอบโจทย์ผู้ใช้งาน โดยแบรนด์จะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่คุ้มค่าในราคาเข้าถึงได้ โดยได้เปิดตัวรุ่นแรก เรดหมี่ 4G ที่ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon และรองรับเครือข่าย 4G เป็นรุ่นแรก และพัฒนาต่อเนื่องด้วย Redmi Note Prime มือถือสองซิมรุ่นแรก ซึ่งในขณะนั้นได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก ทำให้ฐานผู้ที่ชื่นชอบขยายตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เสียวหมี่ มียอดขายในปีนั้นกว่า 61.12 ล้านเครื่อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ เรดหมี่ ที่ทำให้หลายคนพูดว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นตลาดแตกที่มีฟีเจอร์ครบครันในราคาคุ้มค่าที่สุด
หลังจากนั้น เรดหมี่ ก็ถูกออกแบบและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานเป็นสำคัญ ซึ่งสมาร์ทโฟนของแต่ละซีรีย์ของ เรดหมี่ ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนใครอยู่เสมอ อาทิเช่น เรดหมี่ 3 ซีรี่ย์ ที่เปิดประสบการณ์ปลดล็อกเครื่องด้วยลายนิ้วมือ และใช้บอดี้วัสดุอลูมิเนียมพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ก่อนใคร ถือว่าเป็นจุดเด่นที่ตอกย้ำถึงแบรนด์ เรดหมี่ ว่าเป็นผู้นำนวัตกรรมที่เข้าถึงทุกคนได้มาโดยตลอด
สำหรับประเทศไทย เสียวหมี่ได้นำ เรดหมี่ เข้ามาทำการตลาดในช่วงปี 2017 โดยเปิดตัว เรดหมี่ 4 (Qualcomm) หรือที่หลายคนเรียกว่า เรดหมี่ 4 Global Version ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนไทยอยู่ไม่น้อย ด้วยฟีเจอร์และราคาที่ทำให้ทุกคนร้องว้าว และเป็นจุดเริ่มต้นให้คนไทยได้รู้จักแบรนด์เสียวหมี่และ เรดหมี่ มากขึ้น จากนั้น เรดหมี่ ทยอยออกซีรีย์เรื่อยมาโดยเน้นเทรนด์เทคโนโลยีเช่นเดิม อย่าง เรดหมี่ 5 มือถือกล้องหลังคู่ตัวแรกซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมที่มียอดขายที่ดีมากที่สุด และ เรดหมี่ 6 โปร ที่พัฒนาเป็นกล้องหน้าคู่เช่นเดียวกับกล้องหลัง ซึ่งทำยอดขายได้ดีไม่แพ้กันเพราะเป็นสมาร์ทโฟนที่ปฏิวัติการถ่ายรูปของกล้องมือถือไปอย่างชิ้นเชิง
ในปี 2019 เรดหมี่ ได้สร้างความฮือฮาให้คนพูดถึงแบรนด์กันอีกครั้งด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนที่ ครองใจคนทั่วโลกด้วยรุ่น เรดหมี่ 7 ติดอันดับท็อป 10 สมาร์ทโฟนโลก ประจำปี 2019 โดยเป็นรุ่นยอดนิยมที่ขายดีทั้งปี และคว้าแชมป์เป็นที่หนึ่งสำหรับแอนดรอยด์สมาร์ทโฟนของปี 2019 ตามรายงานจาก Canalys อีกด้วย นอกจากนี้ในช่วงปลายปี 2019 เรดหมี่ 8 และ เรดหมี่ 8 โปร ติดอันดับท็อป 10 สมาร์ทโฟนโลก ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 อีกด้วยถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลกอย่างแท้จริง
มร.โจนาธาน คัง ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เสียวหมี่ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เสียวหมี่ ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้สมาร์ทโฟนของเราเป็นไปตามเทรนด์ของโลกและมีประสิทธิภาพการใช้งานที่ตอบโจทย์กับผู้บริโภคทั่วโลก ซึ่งจากผลการรายงานของ Canalys แสดงให้เห็นว่า เรดหมี่ เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่เสียวหมี่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมจนได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก ทั้งนี้เรายังภูมิใจที่เสียวหมี่นั้นแม้จะอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง และท่ามกลางผู้นำการตลาดมากมาย แต่เสียวหมี่เป็นแบรนด์มือถือจากประเทศจีนรายเดียวที่ติดอันดับสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดแห่งปี 2019 ตามข้อมูลจาก Canalys การันตีด้วยยอดขายกว่า 110,000,000+ ล้านเครื่องทั่วโลก”
โดยล่าสุดในปี 2020 นี้ เสียวหมี่ ก็ได้เปิดตัว เรดหมี่ 9 ซีรี่ย์ สมาร์ทโฟนที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ประสิทธิภาพอันเป็นที่สุด ด้วยไฮไลท์ VDO 4K ครั้งแรกกับที่สุดของกล้องความละเอียดคมชัดในระดับคุณภาพพรีเมี่ยมที่ให้คุณเต็มอิ่มกับการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอดั่งมืออาชีพ ในราคาคุ้มค่าเข้าถึงได้ โดยเสียวหมี่เชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพและความสามารถในการเติบโตและพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง ทำให้ เรดหมี่ เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ครองใจผู้คนทั่วโลกไปอีกอย่างต่อเนื่องแน่นอน
ซื้อ REDMI NOTE 8 PRO – สีมุก คลิกที่นี่