อาร์ทีบีฯ เติบโตสวนกระแสตลาด ทุ่ม 30 ล้านเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์เสริมแกร่งธุรกิจ พร้อมส่งผลิตภัณฑ์กลุ่มแวร์เอเบิลดีไวซ์และโฮม คอนเน็คเต็ด ดีไวซ์เป็นหัวหอกบุกตลาดมั่นใจดันยอดขายโต 10%
อาร์ทีบีฯ ชี้เทรนด์ตลาดอุปกรณ์เสริมหรือโมบายไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยปี 2558 ยังเติบโตต่อเนื่อง เตรียมทุ่มงบอีก30 ล้านเดินหน้าใส่เกียร์ระเบิดศึกครึ่งปีหลังเต็มอัตรา ส่งผลิตภัณฑ์กลุ่มแวร์เอเบิลดีไวซ์(Wearable Devices) และโฮม คอนเน็คเต็ด ดีไวซ์(Home Connected Devices)เป็นหัวหอกนำทัพรับเทรนด์Internet of Things (IOTs) ที่กำลังมาแรงพร้อมสานต่อ2 กลยุทธ์เสริมแกร่งธุรกิจ มั่นใจยอดขายสิ้นปีโต 10% ตั้งเป้าครองความเป็นผู้นำในกลุ่มแวร์เอเบิลดีไวซ์ และโฮม คอนเน็คเต็ด ดีไวซ์ (Home Connected Devices)ใน 2 – 3 ปีข้างหน้า
ดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอุปกรณ์เสริมหรือโมบายไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยว่า สถานการณ์ตลาดในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเริ่มได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีการเติบโตชะลอตัว กอปรกับการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มขึ้นโดยผู้เล่นในตลาดพยายามสร้างความคึกคักด้วยการนำเข้าสินค้าใหม่มาทำตลาดและดำเนินกิจกรรมอย่างเข้มข้น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น อีกทั้งไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่นิยมใช้อุปกรณ์ที่มีความจำเป็นมากกว่าแฟชั่นเพิ่มขึ้นจึงส่งผลให้ตลาดรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกมือถือและไอทีมีการเติบโตลดลงประมาณ 15-20%แต่โดยภาพรวมของตลาดในปี 2558คาดว่าน่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 4,000-5,000ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ และแนวโน้มการประมูล 4G ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ผลการดำเนินงานของบริษัทฯช่วง5 เดือนแรกมียอดขาย 140 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯเป็นผู้ทำตลาดอยู่นั้นเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และการไม่หยุดนิ่งพัฒนาตัวเองทั้งการเสาะหานวัตกรรมใหม่ๆ มานำเสนอสู่ตลาด รวมถึงการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เดิมและค้นหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ มาทำตลาดด้วยกัน ตลอดจนการขยายตลาดและจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง”
สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2558ยังคงมีเป้าหมายหลักมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพโดยวางนโยบายการตลาดเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไว้ 2 แนวทาง ได้แก่ การมุ่งนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันโดยเน้นอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ ทั้งในกลุ่มแวร์เอเบิลดีไวซ์ (Wearable Devices) หรือกลุ่มอุปกรณ์ไอทีสำหรับสวมใส่ได้ และโฮม คอนเน็คเต็ด ดีไวซ์(Home Connected Devices) เป็นหัวหอกรุกตลาดของบริษัทฯในครึ่งปีหลังเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การใช้งานของผู้บริโภคที่นิยมเชื่อมต่อกับอุปกรณ์พกพาต่างๆ ได้อย่างสะดวก หรือInternet of Things (IOTs) ที่กำลังมาแรงในขณะนี้
สำหรับกลยุทธ์ที่สอง การผนึกกำลัง (Synergy) กับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งซัพพลายเออร์และช่องทางจัดจำหน่ายที่มีความแข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เสริมด้านต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพการทำตลาดร่วมกันยิ่งขึ้นโดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีพันธมิตรทางธุรกิจรวม 10แบรนด์ ประกอบด้วย Jabra(จาบรา), Beats(บีทส์), Philips(ฟิลิปส์), NudeAudio(นู๊ดออดิโอ), Gear4(เกียร์โฟร์), iUi(ไอยูไอ), UniQ(ยูนิค), Maxell(แม็กเซล), Gigaset(กิ๊กกาเซ็ท)และ Jawbone(จาวโบน) ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ 5 กลุ่มได้แก่กลุ่มหูฟังมีสาย, หูฟังบลูทูธ, เคสโทรศัพท์มือถือ, พาวเวอร์แบงก์และแวร์เอเบิลดีไวซ์ โดยในปีนี้ได้ขยายพันธมิตรรายใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ Audio-Technica(ออดิโอ-เทคนิก้า)ซึ่งเป็นหูฟังที่มียอดขายสูงสุดอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นมา 6 ปีซ้อน, Motorola(โมโตโรล่า) กล้องวงจรปิดภายในบ้านที่มาพร้อมการเชื่อมต่อไวไฟ และ Mophie(โมฟี่) แบรนด์แบตเตอรี่เคสอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้ ยังมีแผนจะนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาทำตลาดในช่วง ไตรมาส3 อีก 3 แบรนด์คือEnergea(เอ็นเนอร์เกีย), Smanos(ซามานอส), และ TheCoopIdea(เดอะคูปไอเดีย)เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งเป็นการสร้างความแตกต่างและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์สู่ผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการปี 2557 บริษัทฯมียอดขายประมาณ 400ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 5% ซึ่งปัจจัยความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มหูฟังเพลงหูฟังบลูทูธและกลุ่มแวร์เอเบิลดีไวซ์ (Wearable Devices) ที่สูงเป็นอันดับ 1 ในปีที่ผ่านมา ส่วนเป้าหมายของตลาดปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือยอดขายรวม 450ล้านบาท โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์แวร์เอเบิลดีไวซ์ (Wearable Devices) และโฮม คอนเน็คเต็ด ดีไวซ์ (Home Connected Devices) มากขึ้นขณะเดียวกันยังได้รุกขยายตลาดอุปกรณ์เสริมสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน อาทิ ประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา และลาว ซึ่งเบื้องต้นจะเน้นทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย และในอนาคตมีแผนจะเข้าไปเปิดบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงตลาดได้อย่างเต็มที่
ดร.บรรพต กล่าวต่อว่า “กลยุทธ์การทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณสำหรับการทำตลาดไว้ที่ 30 ล้านบาท โดยจะเน้นสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ข่าวสารไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ สื่อดิจิตอลและออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภคเพื่อสร้างความผูกพันกับแบรนด์ยิ่งขึ้นขณะเดียวกันนี้ก็เน้นเสริมแกร่งช่องทางการจัดจำหน่ายเดิมที่มีอยู่ทั่วประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำที่มีความแข็งแกร่งจำนวน 400 ราย รวมถึงช่องทางออนไลน์และร้านค้าเฉพาะทาง ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ในกลุ่มสินค้าเพื่อการดูแลบ้านมากขึ้นล่าสุดได้เริ่มเข้าไปจำหน่ายในโฮมโปรเป็นต้น ทั้งนี้ จากแนวทางการทำตลาดเชิงรุก ผนวกกับการนวัตกรรมที่ตอบโจทย์และพันธมิตรที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถพิชิตยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมผลักดันให้อาร์ทีบีเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มแวร์เอเบิลดีไวซ์ (Wearable Devices) และโฮม คอนเน็คเต็ด ดีไวซ์ (Home Connected Devices)ใน 2 – 3 ปีข้างหน้า”