29 ม.ค. 2016 : กลุ่มสามารถ เน้นเป้าหมายเติบโตอย่างยั่งยืน เร่งขยายฐานลูกค้าและแตกไลน์บริการไอซีที ปรับทิศทางและรูปแบบการดำเนินธุรกิจของกลุ่มโมบายมัลติมีเดียให้แตกต่างและสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเตรียมแผนลงทุนในธุรกิจพลังงานสูงถึงสองหมื่นล้านในปี2016 เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในอนาคต ทั้งนี้ตั้งเป้ารายได้รวมของกลุ่มสามารถในปีวอก จำนวน 24,000 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ปีที่ผ่านมาภาพรวมธุรกิจของกลุ่มสามารถยังคงน่าพอใจ แม้ต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั้งในและนอกประเทศ โดยธุรกิจไอซีทีก็ได้งานโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 2015 เท่ากับ 8,200 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโมบายมัลติมีเดีย ซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากสภาวะตลาดและการแข่งขัน แต่ก็ถือเป็นปีแห่งการปฎิรูปเพื่อพลิกโฉมการดำเนินธุรกิจของไอ-โมบายให้โดดเด่น แตกต่าง และมีอาวุธที่ครบมือยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมสำหรับการแข่งขันทั้งภายในประเทศ และการขยายตลาดในต่างประเทศ
“ปีนี้ เราประกาศให้พนักงานทุกคนทราบว่า เราจะรุกไปข้างหน้า เพื่อสร้าง“อนาคตที่ดีกว่า ให้ได้ในวันนี้” หรือ Better Future Today โดยได้มีการเปิดตัววัฒนธรรมองค์กรใหม่ของกลุ่มสามารถ (SAMART DNA) ประกอบด้วย Think Ahead (คิดให้ล้ำ ทำให้ได้) , Customer Focus (เข้าถึง ได้ใจ) , Team of Professionals (รวมพลังอย่างมืออาชีพ) และ Commit to Excellence (ทำให้สุด ไม่หยุดแค่คำว่า “พอใจ”) เพื่อให้ทุกสายธุรกิจของ “สามารถ” เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ปี 2016 นอกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แล้ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมจากภาครัฐ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมธุรกิจ SME และการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือน จะเป็นแรงหนุนที่สำคัญและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่กลุ่ม “สามารถ” บริษัทฯ จึงตั้งเป้ารายได้รวม 24,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากสาย ICT Solutions 10,000 ล้านบาท Mobile-Multimedia 7,000 ล้านบาท สายธุรกิจ Related Business 2,100 ล้านบาท และสายธุรกิจ U-trans 5,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
บมจ. สามารถเทลคอม ผู้นำสาย ICT Solutions ตั้งเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือแล้วมูลค่า 8,200 ล้านบาท มั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีทองของสายธุรกิจ ICT ที่จะยังครองความเป็นผู้นำในการติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคม ด้วยโอกาสจากหลายโครงการที่เลื่อนมาจากปีที่แล้ว บวกกับมาตรการใหม่ๆ ของภาครัฐ ที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน บริษัทฯ จึงคาดว่าจะมีโครงการใหม่ๆ ที่จะเข้าร่วมประมูลในปีนี้ คิดเป็นมูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท โดยคาดว่าน่าจะเซ็นสัญญาได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท นอกจากเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้า รุกตลาด Big Corporation และ SME แล้ว บริษัทยังเน้นการขยายตลาด ICT Outsourcing หรือบริการซ่อมบำรุงระบบและอุปกรณ์ด้านไอที ด้วยศูนย์บริการกว่า 38 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้มาตรฐาน ISO 20000 เพื่อเสริมรายได้ประจำของกลุ่มให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
บมจ.สามารถไอ-โมบาย ผู้นำสายธุรกิจ Mobile-Multimedia ตั้งเป้ารายได้ 7,000 ล้านบาท โดยเน้นการสร้างแหล่งรายได้ประจำใหม่ๆ ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล โดยจะมีการเปิดตัวธุรกิจ e-Market Place ที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของวงการ e-commerce ในประเทศไทย เช่น Wapp-Wapp บริการ e-commerce ภายใต้คอนเซปต์ Delivery to Serve all Your Moments.. ในทุกวาระ “สุขเกิดแก่เจ็บตายหิว” เราพร้อมส่งทุกสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์แก่ผู้บริโภคภายในเวลาอันรวดเร็ว และบริการ Thailandmall ช่องทางจำหน่ายสินค้าและบริการออนไลน์เพื่อโปรโมทและจำหน่ายสินค้าไทยคุณภาพสูงสู่ตลาดโลก และ Thailand Check-in บริการ Tourist Assistant เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และบริการนำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น โดยจะเริ่มทยอยเปิดตัวเร็วๆ นี้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะมีการปรับเปลี่ยนร้าน สามารถไอ-โมบายในรูปโฉมใหม่ (OPEN) ซึ่งนอกจากจะสะท้อนภาพลักษณ์ที่สดใสทันสมัยแล้ว ยังเพิ่มเติมบริการที่ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น อาทิเช่น บริการซ่อม i-Fix รับซ่อมทุกแบรนด์มือถือด้วยมาตรฐานคุณภาพ บริการรับชำระค่าบริการครบวงจร และอื่นๆ ที่ต้องรอติดตาม
ส่วนสายธุรกิจ U-trans ซึ่งประกอบด้วย CATS, Kampot Power Plant และ Teda บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านระบบและเสาส่งไฟฟ้า ตั้งเป้ารายได้รวม 5,000 ล้านบาท โดยนอกจากรายได้ประจำจาก CATS และ Kampot Power Plant ที่ประเทศกัมพูชาแล้ว กลุ่ม U-trans ยังมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานในปีนี้ มูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะประกาศความชัดเจนได้ในปลายเดือน มี.ค นี้ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ในอีก 2 ปี ข้างหน้า
สุดท้าย สายธุรกิจ Related Business ตั้งเป้ารายได้รวม 2,100 ล้านบาท โดยเฉพาะธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยของ Vision & Security ซึ่งได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีโครงการที่รอประมูลในปีนี้ราว 2,000 ล้านบาท ด้าน บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ บริษัทในเครือรายที่ 4 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็มีโครงการที่จะเข้าประมูลในปีนี้ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“นอกจากโอกาสทางธุรกิจมากมายในปีนี้ บริษัทยังเตรียมพร้อมภายในองค์กร เพื่อรองรับงานที่จะเกิดขึ้น ทั้งการบริหารการจัดการภายใน การพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ผู้ถือหุ้น และพันธมิตร จนได้รับรางวัลมาตรฐานระดับโลก ได้แก่ รางวัลบริษัทจดทะเบียนที่เป็นเลิศในการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Governance) ในระดับอาเซียนสูงสุด 5 อันดับแรก และสูงสุด 3 อันดันแรกในประเทศไทย จากโครงการ ASEAN CG Scorecard รวม 4 รางวัล และมาตรฐานการให้บริการด้านไอที ISO 20000 และจากความมั่นคงทางธุรกิจ ทำให้เรามีกำลังมากขึ้นในการสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม โดย 13 ปีที่ผ่านมา เราได้สนับสนุนการศึกษาและส่งเสริมด้านนวัตกรรม ผ่านการให้ทุนการศึกษา การฝึกอาชีพและการเปิดเวทีประกวด SAMART Innovation Awards และได้ร่วมกับ สวทช.จัดการประกวดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีในโครงการ “เถ้าแก่น้อยเทคโนโลยี หรือ Young Technopreneur” เพื่อส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีรุ่นใหม่อย่างมีคุณภาพและเป็นรูปธรรมมากขึ้น” นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้าย