ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก เสี่ยวหมี่ (Xiaomi) เปิดตัวสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมรุ่
Xiaomi Mi Mix 3
นอกจากการแสดงผลหน้าจอแสดงผลแบบฟูลสกรีนที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว Mi MIX 3 ยังมีฟีเจอร์การตั้งค่ากล้องที่ได้คะแนนจาก DxO Mark สูงถึง 108 คะแนน ตัวเครื่องด้านหลังที่โค้งมนสวยทั้งสี่ด้าน มาในสีฟ้าไพลิน มีความจุสูงสุดถึง 10GB RAM
นายเหลย จุน ผู้ก่อตั้ง และ CEO ของเสี่ยวหมี่ กล่าวในงานเปิดตัวว่า “เสี่ยวหมี่คาดว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมียอดขายเกินกว่า 100 ล้านเครื่องภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2561 โดยความสำเร็จครั้งนี้ทำให้บรรลุเป้าหมายประจำปีที่ได้ประกาศไว้ในงานประชุมของผู้จัดจำหน่ายหลักระดับนานาชาติ เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560 โดยเสี่ยวหมี่จะสามารถบรรลุเป้าหมายสองเดือนก่อนกำหนดและจัดส่งสินค้ากว่า 90 ล้านชิ้นในปี พ. ศ. 2560
แถบสไลด์แม่เหล็กที่เป็นเอกสิทธิ์มอบประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟแบบใหม่ๆ
แถบสไลด์ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ สมาร์ทโฟนรุ่น Mi MIX 3 ประกอบด้วยแม่เหล็กนีโอไดเมียที่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อสัมผัสหน้าจอ กลไกแม่เหล็กจะตอบสนองในเวลาอันรวดเร็วจากปริมาณแรงกดที่เหมาะสม เสี่ยวหมี่ได้ทุ่มเทความตั้งใจอย่างมากในการพัฒนากระบวนการผลิตและตรวจสอบในห้องทดลองการใช้งานแถบสไลด์มีอายุการใช้งานมากถึง 300,000 รอบ ดีไซน์การสไลด์หน้าจอ ไม่เพียงเพิ่มพื้นที่ระหว่างกล้องหน้าและเสาอากาศเท่านั้น แต่ยังช่วยการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอสูงสุด Mi MIX 3 มีจอขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล แสดงผล FHD + Samsung AMOLED อัตราส่วนภาพ 19.5:9 กรอบได้รับการลดขนาดลงจากรุ่นก่อนหน้าเพื่อให้ได้อัตราส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องได้มากที่สุดถึง 93.4 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการใช้งานหน้าจอได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถสไลด์หน้าจอเพื่อรับสายหรือปรับแต่งฟังก์ชั่นต่างๆได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันพิเศษให้สามารถแคปภาพหน้าจอ บันทึกหน้าจอ หรือซ่อนการแจ้งเตือนในระหว่างการเล่นเกมได้อีกด้วย
คุณภาพการถ่ายภาพระดับโลก ด้วย 108 คะแนน จาก Dxomark
Mi MIX 3 มาพร้อมกล้องถึง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องคู่ด้านหลัง 12MP + 12MP ที่ใช้เซนเซอร์เดียวกับ Mi 8 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายรูปในสภาวะแสงน้อย เสี่ยวหมี่เพิ่มโหมดถ่ายภาพด้วยการใช้มือในตอนกลางคืน นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เด็ดๆ อีกมากมาย เช่น การลดเสียงรบกวน, การปรับภาพให้สวยงามในทุกแสง, AI วัดแสงและการปรับเสถียรภาพ AI ควบคู่ไปกับ OIS 4 แกนของกล้องคู่หลัง, Mi MIX 3 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของเสี่ยวหมี่ สำหรับภาพถ่ายที่มีแสงปริมาณน้อยจนถึงแสงปกติ ทั้งกล้องคู่ด้านหลังยังมีการบันทึกวิดีโอขนาด 4K และการจับภาพวิดีโอได้ถึง 960 เฟรมต่อวินาที และด้วยคุณลักษณะพิเศษของ AI ที่จะช่วยเพิ่มเพลงพื้นหลังได้โดยอัตโนมัติตามจังหวะการเคลื่อนไหวในวิดีโอ
โมดูลด้านหน้าขนาด 24MP + 2MP มีเซ็นเซอร์หลักของ Sony IMX576 สามารถจับภาพได้แม่นยำกว่าที่เคย ในสภาพแสงน้อย เซนเซอร์จะใช้เทคโนโลยีซุปเปอร์พิกเซลเพื่อรวมข้อมูลจากสี่พิกเซลให้เป็นพิกเซลเดียวที่มีขนาดใหญ่ถึง 1.8 µm ช่วยเพิ่มความคมชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ร่มและมีแสงน้อย เซ็นเซอร์รอง 2M ยังช่วยจับข้อมูลในระดับลึกเพื่อการถ่ายภาพ โหมด AI หน้าชัดหลังเบลอ (Bokeh effect) การพัฒนาเหล่านี้ทำให้ Mi MIX 3 ได้คะแนนจาก DxO Mark ถึง 108 คะแนน และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ดีที่สุดในโลก
ฝาหลังเซรามิคโค้งมนสวยทั้งสี่ด้าน Mi MIX 3 ยังคงเอกลักษณ์การใช้วัสดุที่ไม่เหมือนใครด้วยการออกแบบสุดพิเศษ และยังเพิ่มสีใหม่คือสีฟ้าไพลินที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคอลเลกชันเซรามิกในพิพิธภัณฑ์พระราชวัง ชิ้นเซรามิคเหล่านี้มีความงดงามผ่านกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันและได้รับการควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ ในงานเปิดตัว เสี่ยวหมี่ร่วมกับพิพิธภัณฑ์พระราชวัง ได้เปิดตัว Mi Mix 3 รุ่นพิเศษที่ได้สลักภาพสัตว์ในตำนานจีนโบราณ Xiezhi (อสูรในตำนานจีนที่เป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรม) ไว้บนฝาหลัง นอกจากนี้ ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเวอร์ชั่นแรกของโลกที่มี RAM ขนาด 10GB เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน
อุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย 10 วัตต์ ที่สามารถใช้ได้กับทุกยูนิต
Mi MIX 3 สนับสนุนการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน Qi และมีที่ชาร์จแบบไร้สาย 10 วัตต์ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องชาร์จแบบไร้สายในรุ่นก่อนหน้าถึง 30 เปอร์เซ็นต์
สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของเสี่ยวหมี่ที่มาพร้อมกับปุ่ม AI แบบพิเศษ
เป็นครั้งแรกของเสี่ยวหมี่ที่เพิ่มปุ่ม AI แบบพิเศษที่ด้านซ้ายของโทรศัพท์ ผู้ใช้สามารถใช้เทคโนโลยีการใช้เสียง หรือ Xiao AI โดยการกดปุ่ม AI ค้าง และผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าปุ่มกด การคลิกหนึ่งครั้งหรือสองครั้งเพื่อการใช้งานในฟังก์ชั่นต่างๆ
ราคาและวันวางจำหน่าย
Xiaomi Mi MIX 3 มีจำหน่าย 3 สี ประกอบไปด้วย สีเขียวหยก (Jade Green), สีฟ้าพลอย (Sapphire Blue) และสีดำนิล (Onyx Black) โดยจะเริ่มจำหน่ายในประเทศจีน วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยราคาจะแบ่งออกมา 4 รุ่น ดังนี้
- รุ่นแรม 6GB + ความจุ 128GB ในราคาประมาณ 15,643 บาท
- รุ่นแรม 8GB + ความจุ 128G ในราคาประมาณ 17,066 บาท
- รุ่นแรม 8GB + ความจุ 256GB ในราคาประมาณ 18,963 บาท
- และรุ่นแรม 10GB + ความจุ 256GB (Palace Museum Edition) ในราคาประมาณ 23,704 บาท
สำหรับราคาและช่วงเวลาในการจั