Samsung Mobile ประเทศไทยเปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมทดสอบและสัมผัส Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของค่าย ก่อนจะวางขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ครับ และ Samsung Galaxy S6 กับ Galaxy S6 edge นี้เป็นเรือธงตัวแรกในซีรีส์ Galaxy S ที่เปลี่ยนไปใช้วัสดุในระดับพรีเมียม คืออลูมิเนียม (Samsung บยอกว่าใช้อลูมิเนียมเบอร์ 6013 ครับ) และกระจก (Gorilla Glass 4 ที่แข็งกว่า Gorilla Glass 3 ถึง 1.5 เท่าเลยทีเดียว)
Design
นี่คือหน้าตาของ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ซึ่งเครื่องจริงสวยมากครับ เป็นกระจกมันแว้บทั้งเครื่องเลยทีเดียว (สีดำคือ Samsung Galaxy S6 และสีขาวคือ Samsung Galaxy S6 edge)
จากการสัมผัสโดยรวมแล้ว Samsung Galaxy S6 edge จะให้ความรู้สึกที่บางกว่า Samsung Galaxy S6 เพราะมีขอบให้จับได้น้อยกว่า Samsung Galaxy S6 ครับ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ของจอ edge screen ทั้งสองข้าง แต่เวลาจับตัวเครื่องนั้นออกแบบท่าสัมผัสมาได้ดีครับ จับแล้วไม่โดนเจอด้านข้างเลยแม้แต่น้อย
ถ้าเป็น Samsung Galaxy S6 edge รุ่นสีทองแพลตินั่ม จะมีความมันเงาเป็นอย่างมากทีเดียวครับ
ด้านหน้าของเครื่องสีทอง
ด้านหลัง
ด้านบนของ Samsung Galaxy S6
ด้านล่างจะมีปุ่มสัมผัส 2 ปุ่มคือปุ่ม Recent Apps และปุ่ม Back และมีปุ่ม Home ที่ใช้เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่่ไม่ต้องรูดแล้วแต่ได้เลย (แบบเดียวกับ iPhone) และกดปุ่ม Home ติดๆกัน 2 ครั้งจะเข้าเมนูกล้อง
ด้านล่างเป็นอลูมิเนียมดูพรีเมียมขึ้นกว่าเดิม มีช่องลำโพง รูไมโครโฟน, ช่องเสียบ microUSB และรูเสียบแจ๊ค 3.5 มิลลิเมตร (ที่เห็นเป็นขีดๆคือเสาอากาศครับ)
ด้านบนมีรูไมโครโฟนอีกหนึ่งตัว, IR Blaster และถ้าสังเกตจะเห็นว่ารุ่นนี้เลนส์กล้องนั้นดูนูนออกมามากเลยทีเดียวครับ
ด้านหลังมีกล้องขนาด 16 ล้านพิกเซล และเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ อยู่ข้างๆไฟแฟลช LED
หันมาดู Samsung Galaxy S6 edge บ้าง ด้านบนและด้านล่างจะเหมือนกันกับ Samsung Galaxy S6 ครับ ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นกระจกเช่นเดียวกัน และมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ด้านหลังของเครื่องก็จะเป็นกระจก Gorilla Glass 4 เช่นเดียวกัน
ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S6 edge ด้านข้างจะเห็นว่าขอบเครื่องบางกว่า Samsung Galaxy S6 และมีส่วนของจอ Edge Screen เว้าเข้ามา
ดูหน้าจอ Edge Screen ข้างๆของ Samsung Galaxy S6 Edge กันแบบชัดๆ รูปที่เห็นคือฟีเจอร์ People Edge เลือกเบอร์คนสนิทได้ 5 คนมาแสดงบนขอบด้านข้าง
ด้านล่างนี้คือฟีเจอร์ Lightning Edge แจ้งเตือนขณะคว่ำตัวเครื่องไว้ เวลามีสายโทรเข้าหรือแจ้งเตือนอื่นๆจะมีไฟกระพริบที่จอ Edge Screen ด้านข้างของ Samsung Galaxy S6 edge ครับ ถือว่าเท่ดีทีเดียว
Camera
ไฮไลท์เด็ดของ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ก็คือกล้องของตัวเครื่องนั่นเอง โดยให้มาที่กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล (พร้อมระบบกันสั่น OIS) โดยทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังนั้นให้รูรับแสงกว้างสุดมาถึง F/1.9 และมีระบบ Realtime HDR ทั้งด้านหน้าและด้านหลังครับ ซึ่ง Samsung คุยว่าสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีมาก ซึ่งจากการทดสอบก็ให้ผลที่น่าพอใจ นอกจากนี้การเปิดหน้ากล้องยังทำได้ไวมาก เข้ากล้องในเวลาเพียง 0.7 วินาทีเท่านั้นเท่าที่ลองทดสอบดูแบบไม่จับเวลาก็ถือว่าเร็วกว่ารุ่นก่อนจริงๆครับ
ลองนำมาถ่ายรูปเทียบกับ iPhone 6 ในที่มืดๆก็จะเห็นได้ชัดครับ iPhone 6 นั้นมองไม่เห็นเลย แต่ Samsung Galaxy S6 / S6 edge สามารถถ่ายได้
ส่วนกล้องด้านหน้า 5 ล้านพิกเซล ก็ใส่โหมดบิวตี้มาให้ด้วย น่าจะถูกใจสาวๆหลายๆคน
Accessories
อีกจุดเด่นหนึ่งของ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ก็คืออุปกรณ์เสริมที่รอบนี้ Samsung จัดมาให้แบบเต็มเหนี่ยวเลยทีเดียว และในงานมีมาโชว์ให้ดูด้วย ดังนี้
clear view case เคสแบบกระจกใส มีหลายสีให้เลือก ดูสวยงามทีเดียว
เคสแบบใส
เคสอีกแบบหนึ่ง
เคสฝาพับ Flip Cover แบบหลากสีสัน สวยงาม
เคสคริสตัลแท้ Swarovski ก็มีเช่นกัน
แท่นชาร์จไฟไร้สาย Wireless Charging
Wrap up
สรุปจากการสัมผัส Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge
- เครื่องสวยและเบามาก ให้สัมผัสที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยใช้สมาร์ทโฟน Samsung มาเลยทีเดียว ถือว่า Samsung ทำการบ้านมาดีมากในเรื่องของการออกแบบและเรื่องของการใช้วัสดุ ลบภาพเดิมๆที่เป็นสมาร์ทโฟนพลาสติกออกไปหมดสิ้น
- กล้องดีมาก ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เปิดกล้องเร็ว กล้องหน้าสวย ถือว่าสมราคาคุย
- โดยส่วนตัวแล้วชอบ Samsung Galaxy S6 edge มากกว่า เพราะให้สัมผัสของความบางที่มากกว่า แต่ Samsung Galaxy S6 ก็จับแล้วก็ให้ความรู้สึกที่ดีเช่นกัน อันนี้ถ้าใครสนใจรุ่นไหนอยู่ก็ลองไปสัมผัสกันตอนวันวางจำหน่ายจริงๆกันได้ครับ
Samsung จะเริ่มวางขาย Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ในช่วงหลังจากวันสงกรานต์ที่จะถึงนี้ มีให้เลือกทั้งรุ่น 32, 64 และ 128GB ส่วนราคายังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการครับ