บริษัทไพรม์ไทม์ โซลูชั่นจำกัดประกาศเปิดตัวบริการดูหนังออนไลน์แบบ video on demand ในชื่อว่า ‘Primetime’ ที่ให้บริการดูหนังออนไลน์จาก 6 ค่ายหนังชั้นนำจากฮอลลีวูด ได้แก่ Walt Disney, Warner Bros, 20th Century Fox, Paramount, Universal และ Sony Pictures ครับ
จุดเด่นของ Primetime ที่ต่างจากบริการดูหนังออนไลน์ในท้องตลาดนั้นมีดังนี้
- หนังใหม่มาก ซึ่ง Primetime ยืนยันว่าหลังจากที่หนังออกจากโรงภาพยนตร์ไปจะใช้เวลาแค่ 2-3 เดือนเท่านั้นก็จะมีให้ดูบน Primetime ทันที
- ให้ความคมชัดของภาพผ่านการสตรีมมิ่งถึงระดับ Ultra HD (ในอนาคต Primetime จะเปิดบริการระดับ 4K)
- มีซีรีส์ดังให้ดูเยอะ และบางเรื่องก็ได้รับชมพร้อมกับอเมริกา
- ระบบเสียง dts Surround 5.1 เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย ที่ให้ระบบเสียงนี้ในระบบออนไลน์
- มีระบบเสียง Headphone X คือระบบที่ให้เสียง surround ในขณะใส่หูฟังรับชมหนังบน Primetime
- มีระบบพากย์เสียงไทย, ซาวด์แทร็ก, ซับไทย, ซับอังกฤษให้เลือก
- รองรับการ cast ผ่าน Google Chromecast หรือ Apple TV
รายชื่อหนังใหม่ประจำปี 2015 ที่จะมีให้ดูบน Primetime
จะเห็นว่ามีหนังใหม่ที่พึ่งเข้าโรงอย่าง Fifty Shades of Grey, BIg Hero หรือที่ยังไม่เข้าโรงอย่าง Cinderella, The Fast and Furious 7, Minions ให้ดูด้วยครับ
นอกจากนี้ PrimeTime ยังเน้นไปที่การดูซีรีส์ออนไลน์ ซึ่งก็มีซีรีส์ดังให้เลือกดูมากมาย
ไฮไลท์ของซีรีส์ที่น่าสนใจก็น่าจะเป็นเรื่อง Black Sails ผลงานกำกับของ Michael Bay ที่เราจะได้ดูบน Primetime พร้อมๆกับอเมริกา
อัตราค่าบริการของ Primetime เริ่มต้นที่ 199 บาท (เป็นแพ็คเกจดูหนังแบบบุฟเฟ่ต์ทั้งหมด)
- บุฟเฟ่ต์หนังฮิต ราคา 199 บาท/เดือน
- บุฟเฟ่ต์ซีรีย์ ราคา 299 บาท/เดือน
- บุฟเฟต์หนังฮิต และหนังใหม่ (2 เรื่อง) ราคา 299 บาท/เดือน (ถ้าอยากเช่าหนังใหม่เพิ่มจะมีระบบ in-app purchase)
- รวมทุกแพ็คเกจ หนังใหม่, หนังฮิต และซีรีส์ ราคา 549 บาท/เดือน (ถ้าสมัคร 12 เดือนจะลดเหลือแค่เดือนละ 399 บาท)
ระบบจ่ายเงินนั้นสามารถจ่ายได้หลายทางทั้ง บัตรเครดิต, Paypal, เคาเตอร์ธนาคาร, ตู้ ATM, เคาเตอร์เซอร์วิส
ระบบที่รองรับ Primetime
Primetime นั้นรองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์ คือ iOS (ห้ามเจลเบรก), Android (ห้ามรูท), เบราเซอร์ (รองรับเฉพาะ Chrome และ IE 11), WebOS บนทีวีของ LG และกล่อง CTH ZIPtv
ตัวแทนจำหน่ายของ Primetime
Primetime นั้นมีตัวแทนจำหน่ายที่เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์เพียบเลยทีเดียวครับ เช่น DNA, Comseven (iStudio, iBeat และ Banana IT) เป็นต้น
หน้าตาของแอพ Primetime บน Android (ตอนนี้ดาวน์โหลดได้แล้วบน Google Play Store)
ในรูปด้านล่างจะเห็นระบบเสียง dts และ HeadphoneX ที่ Primetime เน้นมาก และเป็นเจ้าเดียวในไทยที่ได้รับสิทธิ์ในระบบเสียงนี้ เท่าที่ทดสอบการฟังแล้วเสียงกระหึ่มมากครับ