ASUS เปิดตัวมือถือตัวแรกของโลกที่ใช้ Snapdragon 855+ แล้ว มันคือ ASUS ROG Phone II มือถือเกมมิ่งรุ่นที่สองจาก ASUS นั่นเอง
เนื่องจากฟีเจอร์ของ ASUS ROG Phone II มีหลากหลายส่วนด้วยกัน จึงขออนุญาตแยกพูดถึงแต่ละฟีเจอร์เป็นหัวข้อไปครับ
หน้าจอ
หน้าจอของ ASUS ROG Phone II นั้นเป็น AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว มีจุดเด่นตรงที่มีรีเฟรทเรท 120Hz ถือเป็นผลงานที่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากปัจจุบัน AMOLED มีข้อจำกัดตรงที่สามารถเร่งรีเฟรชเรทได้ที่ 90Hz เท่านั้น คงต้องรอฟังต่อไปว่า ASUS ทำยังไงถึงทลายข้อจำกัดดังกล่าวได้
ความละเอียดหน้าจอนั้นอยู่ที่ 2340 x 1080 พิกเซล ผู้ใช้งานที่อยากใช้โหมด 120Hz ต้องไปเปิดใช้งานเอาเองใน Settings (เข้าใจว่าสาเหตุเพราะการเปิดโหมดนี้จะกินไฟเพิ่มขึ้นเกือบๆ สองเท่า สำหรับความหน่วงในการแตะหน้าจอนั้น ASUS บอกว่าอยู่ที่ 49 มิลลิวินาทีเท่านั้น ทำให้ภาพไหลลื่น อนิเมชันการเปลี่ยนหน้าจอต่างๆ ก็ทำให้ดูลื่นไหลรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย กระจกหน้าจอนั้นเป็น Gorilla Glass 6 ทนทานแข็งแรงแน่นอน ส่วนหน้าจอสามารถแสดงผล 10-bit HDR และ 108% DCI-P3 ด้วย
ส่วนประมวลผล
สำหรับชิปประมวลผลนั้นเป็นไปตามที่โฆษณามาก่อนเปิดตัว (ข่าวเก่า) คือใช้ชิปรุ่นล่าสุดจาก Qualcomm ที่ชื่อว่า Snapdragon 855+ และแรม LPDDR4X ขนาด 12GB ส่วนพื้นที่เก็บช้อมูลนั้นมีขนาด 512GB และใช้ประเภท UFS 3.0 ที่เร็วที่สุดในโลก ทำให้การใช้งานแอพทั่วๆ ไปหรือเล่นเกมส์ก็ต่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพื่อแก้ปัญหาความร้อนที่ตามมา ASUS จึงติดตั้ง 3D Vapor Chamber ภายในเพื่อลดความร้อนลง
แบตเตอรี
เนื่องจากแต่ละส่วนนั้นบริโภคพลังงานมหาศาล ทำให้ ASUS ตัดสินใจใส่แบตเตอรีมามากถึง 6,000 mAh ด้วยกัน โดยระบบชาร์จไฟรองรับการจ่ายไฟสูงสุดที่ 30W หรือราวๆ สองเท่าของไฟที่ชาร์จเข้ามือถือผ่านระบบ Quick Charge ตัวเครื่องยังคงมีพอร์ตเสียบชาร์จไฟสองช่อง ทำให้ไม่ว่าจะเล่นเกมส์ในแนวตั้งหรือแนวนอนก็สามารถชาร์จไฟได้
ทาง ASUS สรุปตัวเลขออกมาให้ว่าถ้าหากเล่น PUBG Mobile ที่รีเฟรชเรท 60Hz จะเล่นได้ 7.1 ชั่วโมงต่อเนื่องครับ
กล้อง
ROG Phone II มีกล้องหลังคู่สองตัว โดยเป็น 48 Megapixel ที่เราเห็นมือถือรุ่นใหม่ๆ ใช้กัน ส่วนอีกตัวเป็น Wide Angle Lens ที่มีความละเอียด 13 Megapixel ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียด 24 Megapixel ครับ
อื่นๆ
ฟีเจอร์ที่กลับมาในรุ่นนี้ก็คือ AirTrigger 2ระบบปุ่ม L/R บนตัวเครื่อง แต่ไม่ได้เป็นปุ่มจริงๆ ให้กด โดยเมื่อเราออกแรงกดลงไประบบจะรับรู้ว่าเราต้องการกด L/R ได้เอง แต่ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมาก เพราะลดระยะ Latency จาก 63 มิลลิวินาทีเหลือเพียง 20 มิลลิวินาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ก็มีลำโพงคู่ด้านหน้าที่เสียงดี ดัง ชัด และพอร์ตหูฟัง 3.5 มม ที่หลังๆ เราไม่ค่อยเห็นบนมือถือรุ่นใหม่กันแล้ว และถ้าซื้อเพิ่มก็จะมี AeroActive Cooler II ระบบระบายความร้อนแบบพัดลมที่จะช่วยปัดเป่าความร้อนออก โดยทาง Asus ระบุว่าสามารถลดได้ราวๆ 5 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว โดยรุ่นใหม่นี้สร้างเสียงรบกวนน้อยลงกว่าเดิมมากๆ อีกด้วย ทำให้การถือในมือไม่ร้อนจนต้องยอมแพ้วางก่อนแบตเตอรีหมด
สุดท้ายนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะรันระบบปฏิบัติการแบบ Stock Android (แบบ Google) หรือ ASUS ROG UI ก็ได้ แล้วแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล
สำหรับอุปกรณ์เสริมก็ยิ่งใหญ่เช่นเดิม ทาง ASUS ออกมาสองอย่างด้วยกัน ได้แก่ TwinView Dock ที่ทำให้มือถือแสดงผลได้สองหน้าจอพร้อมกัน ข้างหลังเป็น Clip-on AeroActive Cooler ช่วยระบายความร้อน และอีกอย่างก็คือ ROG Kunai Gamepad จอยคอนโทรลเลอร์ที่เสียบแล้วชวนให้นึกถึง Nintendo Switch ไม่น้อย
เมื่อพิจารณาดีๆ แล้ว ASUS ROG Phone II เป็นการปรับสเปคตามรอบซีพียูประจำปี มากกว่าการเปลี่ยนใหม่หมดจด (ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไรนักเนื่องจากการออกแบบปีที่แล้วทำไว้ดีมาก)
ณ ตอนนี้ทาง ASUS ยังไม่เผยราคาออกมา แต่ถ้าให้เดาก็ไม่น่าจะแตกต่างจากรุ่นปีที่แล้วมาก คือราคาเริ่มต้นที่ $1,000 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป (เข้าไทยก็หลักสามหมื่นบาทขึ้นไปแน่นอน) โดยพรุ่งนี้จะเผยรายละเอียดวางจำหน่ายในประเทศจีนที่ร่วมมือกับ Tencent ขณะที่วันวางจำหน่ายทั่วโลกระบุว่าเริ่มต้นวันที่ 4 กันยายนเป็นต้นไป โดยรุ่นที่วางจำหน่ายในจีนจะใช้ฝาหลังแบบมัน ส่วนรุ่นที่วางจำหน่ายทั่วโลกจะใช้ฝาหลังแบบด้านครับ
เดี๋ยวเราคอยดูอีกทีว่าหลังจาก Xiaomi เปิดตัว BlackShark 2 Pro แล้วจะมีการปรับราคาลงมาสู้หรือเปล่าครับ
ที่มา – WCCFTech, The Verge, Phone Arena
