บรรดาผู้ผลิตมือถือจากประเทศจีนรวมตัวกันร้องเรียนภาครัฐว่า Samsung Electronics Semiconductor และ SK Hynix รวมหัวกันขึ้นราคาหน่วยความจำ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
สำนักข่าว Chinese Economic Daily 21st Century Business Herald รายงานว่าหน่วยงานพัฒนาแห่งชาติ (NDRC) ได้รับคำร้องดังกล่าวแล้ว และเชิญให้ทาง Samsung เข้ามาพูดคุยด้วยถึงปัญหาดังกล่าวว่าเหตุใดสารกึ่งตัวนำ โดยเฉพาะหน่วยความจำถึงได้ราคาสูงขึ้นนัก แน่นอนว่าแม้จะใช้คำว่าเชิญมาพูดคุย แต่เบื้องหลังก็คือสัญญาณว่าภาครัฐจะเริ่มเข้ามาสอบสวนถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น
อีกสำนักข่าวหนึ่งที่ชื่อว่า EE World รายงานว่านอกจาก Samsung Electronics แล้วยังมี SK Hynix และ MIcron ที่ถูกเชิญมาพูดคุยถึงประเด็นเรื่องหน่วยความจำราคาแพงอีกด้วย โดยทาง Samsung และ SK Hynix บอกว่ายังไม่ได้รับหมายเชิญ หรือการติดต่ออย่างเป็นทางการเพื่อสืบสวนกรณีดังกล่าวแต่ประการใด
บริษัทวิจัยข้อมูลการตลาดอย่าง DRAMeXchange ระบุว่าปัจจุบันตลาด DRAM (หน่วยความจำ) ถูกควบคุมแทบเบ็ดเสร็จ โดย Samsung และ SK Hynix มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 75% ด้วยกัน เมื่อมิถุนายนปีที่แล้ว Samsung และ SK Hynix ขายหน่วยความจำ DDR4 1GB อยู่ที่ $1.31 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมากลับมีราคาสูงถึง $3.59 ดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งการที่มือถือจีนเป็นผู้บริโภคหลัก (ราวๆ 50 – 60% ของหน่วยความจำถูกซื้อไปใช้กับมือถือจีน) ก็ยิ่งทำให้ขาดดุลทางการค้ามากเท่านั้น
แม้ว่าทางฝั่งจีนจะพยายามก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในโลกสารกึ่งตัวนำ หรืออุตสาหกรรมหน่วยความจำด้วยการลงทุนกว่า $156 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสิบปีตั้งแต่บัดนี้ไป นักวิเคราะห์กลับมองว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพร้อมเข้ามาสู้กับยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันอย่าง Samsung และ SK Hynix
ถ้าใครติดตามข่าวสารปีนี้ก็คงจะทราบดีว่าตลาดโลกเกิดปัญหาหน่วยความจำขาดแคลน เป็นที่มาของการที่หน่วยความจำราคาขึ้นอย่างที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว 21st Century Business Herald รายงานว่าดีไม่ดีจีนอาจจะฟ้องร้องบริษัททั้งหลายด้วยข้อหาผูกขาดก็เป็นได้
ที่มา – Hani