หลังจาก Apple เปิดตัว iPhone 5s มือถือที่มีตัวอ่านลายนิ้วมือก็เริ่มกลายเป็นมาตรฐานมือถือยุคใหม่ไป โดยปัจจุบันตัวอ่านลายนิ้วมือมีอยู่ในมือถือทั้งระดับกลาง และล่าง ส่งผลให้ยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในวงการด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 12%
ปัจจุบันผู้ขายมือถือที่มีตัวอ่านลายนิ้วมือใหญ่ที่สุดในโลกคือ Samsung มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 12% และตามหลังมาติดๆ ด้วย Apple และ Huawei เป็นอันดับสองร่วม เนื่องจากทั้งคู่มีส่วนแบ่งทางการตลาด 11% (ข้อมูลจาก Counterpoint Research)
ตัวอ่านลายนิ้วมือทำให้การปลดล็อกใช้งานมือถือในยุคหลังง่ายขึ้นและสะดวกกว่าเดิมมาก ผู้ใช้งานไม่ต้องกดรหัสผ่านเพื่อใช้งานมือถือ และหลังๆ มีการนำไปประยุกต์ใช้งานอย่างอื่น เช่นการจ่ายเงินออนไลน์ หรือธนาคารอีกด้วย
ถ้าพูดถึงการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่น (จำนวนรุ่นที่มี/จำนวนรุ่นที่ใช้) อันดับต้นๆ ก็คือ Apple, Xiaomi, Huawei และ OPPO ตามลำดับ โดยแบรนด์จีนส่วนใหญ่จะใส่มาตั้งแต่รุ่นถูกไปจนถึงรุ่นแพง (ส่วน Apple นั้นใส่ทุกรุ่น ทำให้ได้อันดับต้นๆ ไปโดยปริยาย)
สำหรับ Samsung, ZTE, LG นั้นแม้ว่าจะใส่มาในหลายรุ่น แต่เนื่องจากมีการซอยรุ่นย่อยจำนวนมาก และมีรุ่นราคาถูกมากๆ อยู่ด้วย ซึ่งรุ่นเหล่านี้มักจะไม่ได้ใส่ตัวอ่านลายนิ้วมือมา ทำให้มีอัตราการใช้งานต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้
ปัญหาในยุค 4.0 อย่างทุกวันนี้คือความน่าเชื่อถือของระบบยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ เนื่องจากลายนิ้วมือสามารถปลอมกันได้ และไม่ได้ยากอย่างที่คิด
แต่ระบบอ่านลายนิ้วมือใหม่ของ Qualcomm ที่ใช้คลื่นอัลตราโซนิคอาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เนื่องจากภาพลายนิ้วมือจะเกิดขึ้นเป็น 3 มิติ แทนที่จะเป็นภาพ 2 มิติ ทำให้แยกได้ว่านั่นเป็นลายนิ้วมือจริงๆ หรือภาพปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกระบบ
ที่มา – First Post